หรือ MK จะไม่ใช่ร้านสุกี้ สำหรับครอบครัวอีกต่อไป 

       ร้านสุกี้ MK เป็นร้านอาหารที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งทุกวันนี้มีหลายสาขาทั่วประเทศ และ ร้านสุกี้ MK ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านอาหารสำหรับครอบครัว ซึ่งส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็นเพราะเป็นอาหารที่สามารถทานได้ทุกๆวัย คนจึงนิยมพาครอบครัวไปทาน โดยล่าสุดทางเพจ Brand Inside ได้ออกมาโพสต์แชร์เรื่องราวระบุว่า 

     [REPOST] หรือ #MK จะไม่ใช่ร้าน #สุกี้ สำหรับครอบครัวอีกต่อไป? ปี 2563 ไม่ใช่ปีที่ดีสำหรับ MK ร้านสุกี้เจ้าดัง ที่กำไรลดลงกว่า 65% กำไรเหลือเพียง 907 ล้านบาท จากที่ปี 2562 MK สามารถทำกำไรได้มากถึง 2,604 ล้านบาท

     สาเหตุที่กำไร MK ลดลงเกินครึ่งขนาดนี้ คงเดาได้ไม่ยาก เพราะปีที่ผ่านมา โควิด-19 กลายเป็นวิบากกรรมครั้งสำคัญของธุรกิจร้านอาหารทั่วโลก ทั้งต้องปิดร้านไปชั่วคราวเพราะมาตรการของภาครัฐ เมื่อเปิดร้านได้ก็ยังต้องมีการจัดที่นั่งแบบเว้นระยะห่าง ยังไม่รวมสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เป็นผลกระทบลูกโซ่จากโรคระบาด ที่ทำให้ความมั่นใจในการใช้เงินของคนหมดไป แน่นอนว่า MK คงอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ต้องมีการปรับตัว

    อย่างแรกที่เราเห็นได้ง่ายๆ ตั้งแต่การเดินเข้าร้านคือ พนักงานจะถามเราว่า "จะเลือกทานสุกี้ หรืออาหารจานเดียว" ซึ่งเมนูในร้านของ MK ก็มีเมนูอาหารจานเดียวมากขึ้นด้วย เพราะที่ผ่านมา MK เป็นร้านอาหารสำหรับครอบครัว ตามลักษณะของอาหารประเภทสุกี้ บะหมี่เป็ด เกี๊ยวกุ้ง ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ บะหมี่ เป็นเมนูอาหารจานเดียวพื้นฐานที่มีมานานแล้ว แต่เมนูใหม่ๆ ที่เราเห็น มีทั้งข้าวหน้าหมูชาบู ข้าวหน้าเนื้อ และข้าวไก่ตุ๋น เป็นต้น ซึ่งอาหารจานเดียวในกลุ่มนี้จะมีราคาตั้งแต่ 84-220 บาท [ads]

     แต่ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ การจัดเมนูชุดสุกี้ #ชุดสุดคุ้ม XL ในราคา 399-799 บาท เมื่อเทียบแล้วถูกลงกว่าการสั่งแยกสูงสุด 40% เมนูชุดสุกี้นี้เหมาะกับครอบครัวในยุคที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จนการใช้ใช้เงินระดับพันบาทเพื่อกินสุกี้อาจเป็นเรื่องแพงสำหรับบางคน สำหรับบทความฉบับเต็มสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://brandinside.asia/mk-restaurant-a-la-carte-2564/ 

จากความคิดเห็น 

ความสุขของครอบครัวกำลังจะหมดไป

      โดยจากโพสต์นี้ก็มีีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย ซึ่งในช่วงที่ ร้านชาบู และปิ้งย่าง เกลื่อนเมือง ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น แต่ร้าน MK ก็ยังคงเสน่่ห์หนึ่งอย่างที่ทำให้หลายคนยังชอบอยู่ 

ขอขอบคุณที่มาจาก : Brand Inside