หอยแมลงภู่ มีประโยชน์ มากคุณค่า

advertisement
หอยแมลงภู่นึ่ง จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด หอยแมลงภู่อบชีส อบเนย อบสมุนไพร หอยทอด หอยแมลงภู่ผัด นานาเมนูเหล่านี้ เราคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีนะคะ แต่ที่น่ากังวลคือหอยแมลงภู่นี้หากกินไม่สะอาด ไม่สดใหม่ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบทางเดินอาหารได้ หรือในบางคนอาจเกิดการแพ้เชื้อโรคต่างๆ ที่อาจมีในหอยแมลงภู่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นเรามาดูกันค่ะ จะทานหอยแมลงภู่ให้ปลอดภัยอย่างไร และหอยแมลงภู่นั้นมีประโยชน์ทางด้านสารอาหารอะไรบ้าง
หอยแมลงภู่ (หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Green Mussel)เป็นหอยสองฝา อาศัยอยู่บริเวณปากแม่น้ำที่มีความลึก 2-8 เมตร ถ้าดูที่เปลือกจะแยกเพศไม่ได้ ต้องดูที่เนื้อใน ตัวผู้มีสีครีม/น้ำตาลอมเหลือง ส่วน ตัวเมียจะมีสีส้ม /แดง เมื่อช่วงมีไข่จะยิ่งแดง [ads]
advertisement

สารอาหารที่สำคัญของหอยแมลงภู่
เป็นอาหารทะเลที่มากด้วยแร่ธาตุจำเป็นสำหรับคนเรา เช่น ธาตุเหล็ก ทองแดง สังกะสี แคลเซียม และที่สำคัญมี ไอโอดีน สูงถึง 600 ไมโครกรัม/หอย 1 กิโลกรัม (มากกว่าเนื้อหมูประมาณ 2 เท่า) มี วิตามินบีรวมมีปริมาณโคเลสเตอรอลต่ำ
1) ให้ แคลอรี่ต่ำ เหมาะกับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก แต่ควรระวังการปรุงด้วยน้ำมัน อย่างเช่นหอยแมลงภู่ในเมนูหอยทอด และออส่วน
2) หอยแมลงภู่นั้นอุดมไปด้วยธาตุเหล็กสูง หากรับประทานวันละ 85 กรัม หรือประมาณ 4-5 ตัว จะช่วยบำรุงให้ผิวที่ซีดเซียว หรือรอยคล้ำ เช่น บริเวณใต้ตา ค่อยๆ ดูเปล่งปลั่ง สดใสมากขึ้น
3) มีธาตุเหล็กสูง บำรุงเลือดช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง ป้องกันโรคโลหิตจาง การทำงานของระบบไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ได้ดี
4) ช่วยทำลายสารพิษจากมลพิษควันบุหรี่
5) ป้องกันโรคเหน็บชา ชาตามนิ้วมือนิ้วเท้า ทำให้ร่างกายไม่เกิดอาการอ่อนเพลีย
6) มีคอลลาเจนบำรุงผิว ช่วยปรับสภาพผิวหนังให้เป็นปกติ ช่วยทำให้ ผิวหนัง เล็บ เส้นผมมีสุขภาพที่ดี
7) ช่วยเรื่องของการนอนหลับที่ดีขึ้น และมีสารที่มีความจำเป็นต่อการทำงานของสมอง บำรุงระบบประสาท
8) ช่วยลดอาการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อ ข้ออักเสบ [ads2]
advertisement

ข้อควรรู้ การกินหอยแมลงภู่ให้ปลอดภัย
– ลวกในน้ำเดือดจัด 3-5 นาที จนหอยเปิดฝาออก หรือ นึ่งนาน 5-7 นาที ซึ่งจะสามารถฆ่าเชื้อโรคที่ไม่ปลอดภัยได้หมด
– หากซื้อแบบลวกสุกที่ใส่ห่อขายในตลาด ควรนำมา นึ่งซ้ำอีกที แม้ว่าความอร่อยจะลดน้อยลง แต่ก็ปลอดภัยกว่า
advertisement

– หอยแมลงภู่ มีอวัยวะในการยึดเกาะ เรียกว่า หนวดหอย (byssal thread) ซึ่งเป็นที่สะสมของเชื้อโรค รวมทั้งสัตว์น้ำขนาดเล็กที่อาจมีพิษ เวลากินต้องใช้มือบีบฝาทั้งสองหนีบกับหนวดหอย แล้วดึงทิ้ง
– ไม่ควรกินหอยแมลงภู่ในช่วงฤดูร้อน ( ก.พ.-พ.ค.) เนื่องจากเมื่อน้ำทะเลอุณหภูมิสูงขึ้น พวกแพลงก์ตอน ซึ่งเป็นอาหารของหอยแมลงภู่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว แพลงก์ตอนพวกนี้จะสร้างสารพิษ ที่ทนความร้อนได้ ถึงจะปรุงอาหารด้วยความร้อนพิษก็ไม่หมด กรณีนี้เคยเกิดรุนแรงในปี พ.ศ.2526 ที่บริเวณปากแม่น้ำปราณบุรี ตอนนั้นมีผู้ป่วยประมาณ 50 คน และมีเด็กเสียชีวิตด้วย 1 คน อาการที่พบ คือ ชาบริเวณปาก แล้วแผ่ลามไปอวัยวะต่างๆ แน่นหน้าอก เคลื่อนไหวลำบาก [ads3]
advertisement

เชื่อแล้วว่าหอยแมลงภู่ อร่อยดี มีประโยชน์จริงๆ เลยนะคะ ทำอาหารได้หลากหลายเมนู จนแอดมินเองก็นึกอยากจะทานเดี๋ยวนี้ พรุ่งนี้กันเลยทีเดียว ที่สำคัญอย่าลืมว่าควรเลือกซื้อหอยที่สด ใหม่ และสะอาด ปรุงทานให้สุก และทำตามวิธีการกินหอยแมลงภู่ให้ปลอดภัย ที่เรานำมาฝากกันด้วยนะคะ ไม่เช่นนั้นแทนที่จะได้รับประโยชน์ อาจกลับกลายเป็นโทษต่อสุขภาพได้
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : ไข่เจียว.com