เจ้าของธุรกิจ SME ในภูเก็ต เริ่มไปต่อไม่ไหวกับสภาพเศรษฐกิจ
advertisement
หลังจากที่ทั่วโลกประสบปัญหาโรคระบาด ทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจ ไม้เว้นแม้แต่ประเทศไทยเราเองแม้จะควบคุมโรคระบาดได้แล้ว แต่เศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้ออยู่ดี โดยล่าสุดคุณ watinee_66 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปได้ออกมาโพสต์ถึงปัญหาที่ต้องเจอในตอนนี้ระบุว่า 'รู้สึกเริ่มไปต่อไม่ค่อยไหวกับสภาพเศรษฐกิจของภูเก็ต ในวิกฤติ'
advertisement
เจ้าของกระทู้ ประกอบธุรกิจ SME ในจังหวัดภูเก็ตค่ะ ดำเนินธุรกิจมาสามปีนิดๆ (ธุรกิจตกแต่งภายใน) ตอนเกิดวิกฤติใหม่ๆ ก็ยังพอโอเค สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เพราะยังมีลูกค้าที่ดิวงานกันไว้ก่อนหน้า ยังพอมีงานให้ทำ
แต่ที่เห็นอย่างชัดเจนคือ เดือนที่แล้ว (ก.ค) ลูกค้าน้อยมาก ลูกค้าที่ทำใบเสนอราคาส่งไปให้ก็ยังไม่มีการตอบกลับใดๆ จนเข้าเดือน ส.ค. ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว ยังมองไม่เห็นวี่แววเลยค่ะ กำลังจะถอดใจ ยุติสัญญาเช่าตึกที่ทำออฟฟิศ
ก่อนนี้เจ้าของก็ไม่ได้ลดราคาให้ซึ่งก็เข้าใจเค้า เพราะคิดว่าภาระเค้าก็คงเยอะ จนเมื่อต้นเดือนก็แจ้งไปว่าอาจจะต้องขอยกเลิกสัญญาเช่า เจ้าของเองก็คงไม่อยากให้ย้ายออก เลยทำการลดค่าเช่าให้
แต่ด้วยสภาวะแบบนี้ เงินเก็บเรายังพอมี ถ้าเราเอาไปจ่ายค่าเช่าฟรีๆ เราคิดว่ายังไงก็ไม่คุ้ม ตอนนี้กำลังจะหันหาทำธุรกิจอื่นเพื่อไม่ต้องเอาเงินเก็บออกมาใช้มากมาย แต่จะลงทุนทำอะไรก็รู้สึกเครียดไปหมด
ตอนนี้ที่คิดว่าจะทำมีอยู่ 3 อย่างค่ะ
1) ทำอาหารส่งแบบดิลิเวอรี่ผ่านแอพพลิเคชั่น ตั้งใจจะทำอาหารสุขภาพ , หรืออาหารที่ใช้วัตถุดิบดีๆไปเลย ซึ่งทำราคาก็จะค่อนข้างสูง เพราะเรามองว่าคนที่ยังมีกำลังซื้อในภูเก็ตก็ยังพอมี แต่….พอมาคิดค่า GP ที่ต้องจ่ายให้แอพลิเคชั่นต่างๆ อยู่ที่ 30%+ มันจะคุ้มมั้ย? กับค่าวัตถุดิบ ถ้ามีคนสั่งเยอะก็โอเคไป เอากำไรต่อหน่วยน้อยหน่อย แต่เราไม่ใช่ร้านใหญ่ๆ ร้านดังๆ กว่าจะสร้างความเชื่อมั่นก็คงต้องใช้เวลา นี่ก็นั่งคิดทบทวนว่าจะคุ้มมั้ย ถ้าจะลงทุน
2) ตอนนี้เราขายผักพื้นบ้าน (ใบเหลียง) ผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยค่ะ เพิ่งเริ่มได้ไม่นาน ช่วงโควิดก็ขายสะตอ ขายดีอยู่นะ ตอนช่วงสะตอออกแรกๆ พอผลผลิตเยอะเข้าก็มีการตัดราคาเกิดขึ้น ซึ่งเราไม่ได้มีสวนสะตอเป็นของตัวเอง เลยไม่สามารถแข่งราคาได้มากนัก ที่ขายใบเหลียงเราก็เน้นไปขายในกลุ่มที่รักสุขภาพ ทานมังสวิตัติ ทานเจ ใบเหลียงเรามีผบผลิตเป็นของตัวเองค่ะ (อยู่ที่พังงา) และมีซื้อต่อจากชาวบ้านมาด้วย
3) ตึกที่เราเช่าทำออฟฟิศ เป็นอาคารพาณิชย์ค่ะ เรายังคิดว่าถ้าไม่คืน เราสามารถทำอะไรได้อีกมั้ย คิดอยากจะทำที่พักแบบรับนักท่องเที่ยวคนไทย โดยคิดเป็นแพคเกจต่อหัว รวมค่าที่พัก ค่าอาหาร และพาไปเที่ยว ทำราคาที่จับต้องได้ (เพราะคนมักบ่นว่าภูเก็ตแพง ซึ่งก็จริง) แต่ตอนนี้ที่พักต่างๆก็ลดราคาลง แต่จุดอ่อนของภูเก็ตคือ ถ้าคุณมาเที่ยวโดยไม่เช่ารถ จะพึ่งพาแต่รถสาธารณะนี่ไม่ได้เลย เพราะราคาสูง เราว่าจะทำอารมณ์ประมาณมานอนบ้านเพื่อน เพื่อนพาไปเที่ยว ไปกิน หรืออาจจะทำอาหารให้ทานบางมื้อ พาไปทานสตรีทฟู้ด ไปถ่ายรูปตามหาดต่างๆ อาจจะมีลงไปเที่ยวเกาะสัก 1 วัน และจะพาไปเที่ยวพังงา จังหวัดที่อยู่ติดภูเก็ต ใช้เวลาเดินทางไม่นาน ซึ่งที่ทำไว้คร่าวๆ 3 วัน 2 คืน กำลังสวย
แต่ก็ยังไม่เคาะราคา (อยากจะทำสัก หัวละ 1,000-1,500 บาท ต่อวัน) ซึ่งถ้ามา 3 วัน ก็จะไม่เกิน 4,500 บาท ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินหรือค่ารถทัวร์ที่ลูกค้าจะเดินทางมา
ตอนนี้เราคิดคร่าวๆได้ประมาณนี้ค่ะ ยังไม่รู้ว่าจะทำรึป่าว เพราะกลัวเหลือเกิน 15 วันของเดือน ส.ค นี้เครียดทุกวันนอนไม่หลับ (เราอาจจะเครียดช้าไปกว่าหลายๆที่นี่) เพราะที่ผ่านๆมาเราดูแล้วคือยังไหว นั่นคงเพราะแค่เผาหลอก แต่ตอนนี้เผาจริงแล้วค่ะ
ใครมีไอเดียที่พอจะแนะนำเรา เรายินดีมากๆค่ะ ตอนนี้ตันมากๆแล้วจริงๆ ปล. กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก เราเครียดจนถึงขั้นมาตั้งกระทู้ ปกติก็แค่อ่านอย่างเดียว ไม่เคยแม้แต่จะแสดงความคิดเห็น แต่ตอนนี้อยากถามความคิดเห็นของหลายๆมุมมากๆ ค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบค่ะ
จากความคิดเห็น [ads]
advertisement
มันยากตรงที่…
advertisement
สถานที่ท่องเที่ยวฟื้นตัวยาก
advertisement
ทุกอย่างชะงักไปหมด
advertisement
ยังพอไหวมั้ย
advertisement
โดยจากโพสต์นี้ก็มีหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย หลายท่านก็ให้คำแนะนำบอกว่าในช่วงนี้เศรษฐกิจแย่ ต้องรัดกุมและวางแผน อะไรที่พอลดได้ก็ควรจะลดไว้จะดีกว่า
ขอขอบคุณที่มาจาก : watinee_66