เจ้าหน้าที่จับกุม ยาฟ้าทะลายโจรปลอม ของกลางกว่า 4 แสนบาท
advertisement
เรียกได้ว่าในช่วงที่โควิด-19 ระบาดอย่างหนัก ทำให้ยาฟ้าทะลายโจรเป็นที่ต้องการอย่างมาก เพราะเป็นยาสมุนไพรไทย ที่ช่วยป้องกันโรคโควิด-19 ได้
advertisement
โดยล่าสุด เมื่อวันที่3 สิงหาคม 2564 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) โดย พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. และ พ.ต.อ.เนติวงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. สำนักงานคณะกรรมการ อาหารและยา โดย นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ ภญ.สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
advertisement
ร่วมกัน แถลงผลการปฏิบัติจับกุมผู้ต้องหาลักลอบผลิตแคปซูลยาฟ้าทะลายโจรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตรวจสอบพบว่าใช้ผง บอระเพ็ดบรรจุในแคปซูลแทนผงฟ้าทะลายโจร รวมมูลค่าของกลางกว่า 400,000 บาท
advertisement
โดยสืบสวนจนทราบว่ามีผู้ลักลอบผลิตและ จำหน่ายยาฟ้าทะลายโจรโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้ติดต่อขอซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ต่อมาเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 นายธนโชติ (สงวนนามสกุล) ได้นำผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจร จำนวน 100 ขวด มาส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ [ads]
advertisement
ตรวจสอบพบว่าเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ผลิตโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นจึงได้ขยายผลเข้า ตรวจค้นบ้านพัก หมู่ 4 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ซึ่งใช้เป็นสถานที่ผลิตยาฟ้าทะลายโจร ตรวจพบผลิตภัณฑ์ แคปซูลฟ้าทะลายโจร, แคปซูลบรรจุในซอง ยังไม่ติดฉลาก และขวดเปล่าพร้อมฝาจำนวนมาก
advertisement
สอบถามนายธนโชติฯ ให้การ ยอมรับว่า เป็นเจ้าของบ้านและลักลอบผลิตยาฟ้าทะลายโจรดังกล่าวจริง โดยทำมานานประมาณ 1 เดือน และเนื่องจากช่วงนี้ ยาฟ้าทะลายโจรขายดี ทำให้วัตถุดิบหายาก ประกอบกับตนมีความรู้ด้านสมุนไพร รู้ว่าบอระเพ็ดมีรสขมคล้ายฟ้าทะลายโจร จึงได้นำผงบอระเพ็ดมาบรรจุลงแคปซูลแทนผงฟ้าทะลายโจร เพื่อจำหน่ายให้กับประชาชน
advertisement
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึด ผลิตภัณฑ์แคปซูลฟ้าทะลายโจร จำนวน 450 ขวด , ผลิตภัณฑ์แคปซูลกระชายขาว จำนวน 50 ขวด, ผลิตภัณฑ์แคปซูลบรรจุผง จำนวน 29 กก., แคปซูลบรรจุผง จำนวน 60,000 แคปซูล, แคปซูลบรรจุในซอง ยังไม่ติดฉลาก จำนวน 300 ซอง, แคปซูลบรรจุในขวด ยังไม่ติดฉลาก จำนวน 460 ขวด, ขวดเปล่าพร้อมฝา จำนวน 6,000 ขวด และสติกเกอร์ฉลากผลิตภัณฑ์นำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขอขอบคุณที่มาจาก : กระทรวงสาธารณสุข