เตือน!! รู้ทันโรคต้อกระจก
advertisement
โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) เตือนหากตามัว สู้แสงไม่ได้ มองเห็นภาพซ้อน และเป็นมากขึ้น อย่าชะล่าใจปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา อาจทำให้ตาบอด
advertisement
นายแพทย์ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคต้อกระจก คือโรคที่เกิดจากความขุ่นมัวของเลนส์แก้วตาซึ่งปกติจะใส ส่วนใหญ่เป็นการเปลี่ยนแปลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้แสงผ่านเข้าไปที่จอประสาทตาด้านในลูกตาได้น้อยลง ผู้ป่วยจะรู้สึกมีอาการตามัวตลอดเวลา สู้แสงไม่ได้ มองเห็นภาพซ้อน และเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาอาจทำให้ตาบอดได้ ทั้งนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาทิ วัยสูงอายุ อุบัติเหตุ เช่น ถูกของมีคม สารเคมี ฯลฯ โรคเบาหวาน การรับประทานยาบางชนิดที่มีผลข้างเคียงกระทบต่อดวงตา กรรมพันธุ์ ความผิดปกติแต่กำเนิด เป็นต้น การรักษาโรคต้อกระจกทำได้โดยการผ่าตัดต้อกระจกและใส่เลนส์แก้วตาเทียม เพื่อปรับสายตาให้เห็นเป็นปกติ[ads]
advertisement
แพทย์หญิงสายจินต์ อิสีประดิฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กล่าวเพิ่มเติมว่าผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาโรคตาต้อกระจกในปี 2560 ที่ผ่านมา ทั่วประเทศดำเนินการผ่าตัดประมาณ 2 แสนราย ในขณะที่โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์(วัดไร่ขิง) ได้รักษาผู้ป่วยโรคตาต้อกระจก จำนวน 15,314 ราย โดยร้อยละ 70 เป็นผู้สูงอายุ สำหรับการรักษาจะใช้วิธีการผ่าตัดหรือสลายต้อกระจกและใส่เลนส์แก้วตาเทียม ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการของโรคไม่รุนแรงอาจใช้ยาหยอดตาเพื่อชะลออาการและความรุนแรง ทั้งนี้การผ่าตัดจะใช้ในกรณีที่เป็นมากแล้วหรือที่เรียกว่า ต้อกระจกสุก ซึ่งแข็งมากไม่สามารถสลายต้อกระจกได้ การผ่าตัดเพื่อเอาเลนส์แก้วตาที่เป็นต้อกระจกออก แล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่และเย็บปิดแผล ส่วนการสลายต้อกระจกด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ หรือ “เฟโค”[ads2]
advertisement
advertisement
เป็นวิธีการรักษาต้อกระจกที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน แผลผ่าตัดมีนาดเล็กประมาณ 3 มิลลิเมตร ทำโดยสอดเครื่องมือขนาดเล็กเข้าไปสลายต้อกระจกด้วยคลื่นความถี่สูงหรืออัลตราซาวนด์จนต้อกระจกสลายหมด แล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่ โดยไม่ต้องเย็บแผล ซึ่งเลนส์แก้วตาเทียมเป็นวัสดุสังเคราะห์ใส่เข้าไปในถุงหุ้มเลนส์แทนที่เลนส์แก้วตาเดิม มีอายุการใช้งานได้นานตลอดชีวิต ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยไม่มีผลกระทบจากการทำงานหนัก ยกเว้นหากโดนกระแทกที่ตาอย่างรุนแรง อาจทำให้เลนส์ที่ใส่ไว้เคลื่อนและมีผลทำให้ตามัวลงทันที
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการแพทย์