โรคหมอนรองกระดูก!! ไม่ได้รักษาง่ายๆ วิธีทั่วไปที่ไม่ใช่ทางการแพทย์ อย่าไปเชื่อเด็ดขาด

           โรคหมอนรองกระดูกเป็นโรคที่ใครๆก็ไม่อยากที่จะเป็นและโรคนี้เราจะเห็นได้ว่าจะมีวิธีต่างที่ที่แชร์มาตามเน็ต และทำให้เกิดการสงสัยจากชาวเน็ตว่ามันหายจริงหรอ  ง่ายจังไม่ต้องผ่าแค่นอนกลิ้งไปมาแล้วก็หาย แล้วจะไปผ่าทำไม เรื่องนี้ทางเพจดังก็ได้ออกมาไขข้อสงสัยแล้วว่าการรักษาแบบที่เราเห็นนั้นมันผิด และอย่าไปเชื่อเด็ดขาดเพราะโรคนี้ไม่ได้รักษาง่ายๆ โดยมีข้อความระบุว่า[ads]

 เพจดังโพสต์

        อันนี้คนหลังไมคถามมาเยอะหลังจากเห็นคนโพสประมาณ โรคหมอนรองกระดูกรักษาง่ายจังไม่ต้องผ่าแค่นอนกลิ้งไปมา ก็หายแล้วจะไปผ่าทำไม บลาๆอันนี้ตอบทั้งในฐานะหมอและฐานะคนที่ป่วยเป็นโรคนี้มาแล้ว (อย่าไปเชื่อเด็ดขาด)

        โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท มักเป็นในคนหนุ่มสาวหรือผู้ใหญ่ก็เป็นได้ โดยไอ้โรคนี้มันเกิดจากหมอนรองกระดูกเกิดการอักเสบ ซึ่งก็เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น อ้วนมาก ก้มไม่ถูกท่า ยกของหนัก พวกนี้ทำให้เป็นโรคนี้ได้ ทีนี้ไอ้หมอนรองกระดูกสันหลังที่อักเสบหรือปลิ้นออกมา มันก็จะไปกดทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดรุนแรง อาจมีเสียวแปล๊บที่น่องที่ขา หรือถ้าคนที่เป็นหนักๆก็อาจจะมีอาการชา กลั้นขี้ กลั้นเยี่ยวไม่อยู่ได้ 

        วิธีการรักษาก็มีหลายแบบ ในรายหนักๆหมอเขาก็จะผ่าตัด ซึ่งมีทั้งแบบผ่าตัดเปิดเข้าไปเลย หรือส่องกล้องแล้วจี้ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง หรือใช้เลเซอร์ แบบนี้จะแผลน้อยฟื้นตัวไวหน่อย หลังจากนั้นก็พักฟื้น แล้วเตรียมทำกายภาพบำบัด ให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ลดความอ้วน ลดความเสี่ยงต่างๆที่จะทำให้เป็นโรคนี้ซ้ำ หรือในบางรายที่เป็นไม่เยอะ ก็อาจจะไม่ต้องผ่าตัด แต่ใช้พวกยาแก้ปวดแก้อักเสบ จนหายปวดแล้วกายภาพบำบัดก็ได้

        คือวิธีรักษาแบบไม่ต้องผ่ามีจริง อย่างของจ่านี่ก็ไม่ได้ผ่าตัดนะ ก็พักจนหายปวด แล้วก็ค่อยๆกายภาพบำบัดไป จนตอนนี้กลับมายกเวท เล่นท่าสควอท เดทลิฟท์ได้หมดแล้ว แต่ในบางคนที่เป็นหนักๆ เช่น มีการกดทับเส้นประสาทเยอะๆ แล้วไม่รีบไปหาหมอ เอาแต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมา เพราะหลงเชื่อในเฟซ มันอาจทำให้เส้นประสาทเสียหาย เพราะไปรักษาช้าเกินไป จนถึงขั้นพิการตลอดชีวิตได้[ads]

      อย่างไรแล้วไข่เจียวว่าเราควรรักษาแบบ ถูกวิธีตามแพทย์ดีกว่านะคะ เพื่อความปลอดภัยที่สุดของตัวเราเอง  และทางการแพทย์ก็น่าจะมีวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพกว่าแน่นอน

เรียบเรียงโดย: kaijeaw.com     ขอขอบคุณที่มาจาก: Drama-addict