กระจ่าง!! ‘อ.เจษฎา’ แจง หลังสาวโพสต์ ปวดหัวเพราะชาร์จโทรศัพท์ตอนนอน ไฟช็อตสมอง

โพสเมื่อ 23/02/2018 22:18 น.

จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ชมภูนุช เขียวชอุ่ม ได้ออกมาโพสต์เตือน เพราะเธอคิดว่าเธอมีอาการปวดหัวอันเกิดมาจากการชาร์จแบตโทรศัพท์ในตอนนอน โดยเธอได้ระบุว่า…

"ในที่สุดฮายก็ค้นพบละว่าตัวเองเป็นอะไร หลังจากที่สังเกตุตัวเองมานานมาก เป็นบ่อยหลายครั้งหลายหนนับไม่ถ้วน วันนี้มาเตือนทุกคนในเฟส ห้ามนอนใกล้เครื่องใช้ไฟฟ้าเด็ดขาด‼️ เพราะพลังงานไฟฟ้าในสมองเรามีถึง 12 วัตต์ เท่ากับจุดหลอดไฟดวงเล็กๆในตู้เย็นติดได้‼️สมองของเราเป็นอวัยวะชีวภาพที่บอบบางกับกระแสไฟฟ้ามาก ก็แค่กับโทรสัพเครื่องเล็กๆสมองของเราก็รวนแล้ว นับประสาอะไรกับเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ๆ ถึงแม้ผลวิจัยจะยังไม่สรุปว่าโทรศัพท์มือถือจะทำให้เกิดมะเร็งในสมองได้ แต่ยังไงก็ยังมีการเตือนเสมอว่าอย่าให้โทรสัพอยู่ใกล้ตัวก่อนนอน

อันนี้คือเรื่องจริงฮายพิสูนจ์กับตัวเอง อาการที่ฮายเป็นทุกวันนี้คือละเมอ กรี๊ดจนตัวเองตื่น ภาพเป็นแสงไฟในหัว มันจื๊ดๆเหมือนโดนไฟช้อตในสมอง ไม่ได้ล้อเล่น เคยเป็นจนร้องไห้. คิดว่าตัวเองเที่ยวหนักนอนน้อย แต่ลองสังเกตุเมื่อสองวันที่แล้วไม่ได้ชาตแบตมือถือก่อนนอน (แบตหมดไม่มีกระแสไฟฟ้าใกล้ตัว) ทำไมฮายหลับไปถึง 10 ชม ไม่ฝัน ไม่ปวดหัว ตื่นมาปกติ แต่เมื่อ 10 นาที ฮายกำลังจะนอนและชาตแบตปกติก่อนนอนใกล้ๆตัวเอง ฮายปวดหัวรู้สึกเหมือนกำลังโดนไฟแรงสูงช้อตในสมอง น้ำตาไหลเลย ใครไม่เจอกับตัวจะไม่มีทางเข้าใจ ลองหาข้อมูลในกลูเกิ้ลดูนะคะ ผิดถูกยังไง ช่วยกันอธิบายแก้ไขได้คะ มีใครเคยเป็นใหม่ เข็ดมากเลย ก่อนนอนจะไม่ทำแบบนี้อีกเด็ดขาด #เหมือนกำลังถูกไฟช้อตในสมองแรงสูงมาก
#ไฟฟ้ามีข้อดีแต่ถ้าไม่ระวังก็ถึงชีวิตได้ #อย่าชาตแบตนอนใกล้ตัว. ฝากเตือนเพื่อนๆทุกคนด้วยคะอันตรายจริงๆ"[ads]

ล่าสุด อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว ว่า การชาร์จโทรศัพท์ตอนนอนไม่ได้อันตรายขนาดนั้น โดยอาจารย์ได้ระบุว่า…

""ชาร์จแบตมือถือตอนนอน ไม่ได้อันตรายขนาดนั้น"

อีกโพสต์นึงที่มีคนแชร์กระหน่ำมากช่วงนี้ มาจากสาวสวยอีกคนที่อ้างว่า เกิดอาการถูกไฟฟ้าชอร์ตในสมอง คือทั้งละเมอ กรีดร้องจนตื่น เห็นภาพเป็นแสงไฟในหัว รู้สึกจี๊ดๆ เหมือนโดนไฟช๊อตในสมอง น้ำตาไหล ฯลฯ โดยคาดว่าเป็นเพราะเธอชาร์จแบตมือถือก่อนนอน … ผมก็ตอบหลังไมค์ไปหลายสิบคน รวมทั้งให้สัมภาษณ์ทีวีช่องหนึ่งไปว่า ไม่น่าใช่หรอก การชาร์จแบตเตอรี่มือถือไม่ได้จะส่งพลังไฟฟ้ารุนแรงอะไรออกมาทำลายสมองเราแบบนั้น

เรื่องนี้ถ้าคุณน้องไม่อุปาทานไปเอง หรือเป็นผลจากการเล่นมือถือมากเกินไปก่อนนอน ก็ควรจะไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุนะ อาจจะต้อง CT แสกนสมองดูว่ามีอะไรผิดปรกติหรือเปล่า

ปรกติแล้ว เวลาเราจะพิจารณาถึงความปลอดภัย โดยเฉพาะเรื่องผลกระทบต่อสมอง ของการใช้โทรศัพท์มือถือเนี่ย เราจะคิดจากระยะห่างของเครื่องส่งสัญญานไปจนถึงสมอง กำลังส่งและระยะเวลานานแค่ไหนที่สมองถูกสัญญาณนั้น … ซึ่งคำสรุปจากงานวิจัยขององค์การอนามัยโลก บอกว่า ต้องใช้งานแบบโทรศัพท์แนบกับหัว เป็นระยะนานๆ ต่อวัน ต่อเนื่องกันเป็นสิบปี ถึงจะเริ่มมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นของการมีเนื้องอกในสมอง

หรือพูดง่ายๆ ว่า ถ้าใช้งานกันแบบปรกติ โทรสั้นๆ ก็ไม่ได้น่าห่วงอะไร ถึงแม้ว่าสมองของเราจะมีพลังงานไฟฟ้าเกิดขึ้นมาเพียงแค่ 0.085 วัตต์ เมื่อเซลล์สมอง 800 ล้านเซลล์ทำงานพร้อมกัน ซึ่งน้อยกว่าที่น้องผู้หญิงคนนี้บอกไว้มากๆ (12 วัตต์) แต่ก็ไม่ได้มีผลวิจัยที่บอกว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือนั้นจะไปรบกวนการทำงานของสมอง (ถ้ามี คงโดนห้ามใช้กันทั่วโลกแล้ว) ยิ่งเอาขนาดให้เกิดไฟฟ้าช็อตในสมองด้วย นี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้

การชาร์จแบตมือถือ ก็ไม่ได้จะเป็นการทำให้เครื่องโทรศัพท์มือถือส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาแรงขึ้น … ปรกติ ถ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่โทรศัพท์ส่งออกมา จะแรงสุดตอนช่วงโทรออกและรับสายเข้า … รวมไปถึงการโทรในพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีเครือข่ายสัญญาณ แล้วเครื่องต้องพยายามส่งสัญญาณให้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การชาร์จแบตมือถือตอนนอน ก็มีข้อควรระวัง เช่น ไม่ควรชาร์จโดยวางไว้ใต้หมอนหรือวางผ้าห่มทับ เพราะจะเกิดความร้อนและทำให้เครื่องเสียหายได้ / แสงจากหน้าจอ จะไปรบกวนการนอน ทำให้นอนหลับไม่สนิท / ไฟฟ้าที่อาจจะรั่วมาจากแท่นชาร์จที่เสื่อมสภาพ ก็อาจจะทำอันตรายกับเราได้ ถ้าเครื่องอยู่ติดกับตัวเรา

สุดท้าย ถ้ามีใครยังกังวลกับเรื่องนี้ ก็วางไว้ไกลๆตัวหรือปิดเครื่องระหว่างชาร์จก็ได้ เพื่อความสบายใจ ดีกว่ามาเครียดกับเรื่องแค่นี้

ปล. ทำไมผมรู้สึกว่า โพสต์ของน้องคนนี้ กับของคนที่แล้ว (เรื่องมือชาเพราะกินชากาแฟ) มันช่างมี pattern รูปแบบการเขียนคล้ายกันมาก ยังกะเขียนด้วยคนหรือทีมเดียวกันเลย[ads2]