สุดยอด!! จากหญิงสาวที่เรียนไม่จบ ฐานะไม่ดี วันนี้เป็น ‘แอร์โฮสเตส’ ได้อย่างเต็มตัว
advertisement
ถือว่าเป็นเรื่องราวที่ดีเป็นอย่างมากที่ได้นำมาแชร์ประสบการณ์ให้กับน้องๆหรือคนที่ฝันอยากจะเป็นแอร์โฮสเตส ซึ่งเรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับสมาชิกพันทิปท่านหนึ่ง หญิงสาวท่านนี้เป็นคนที่ฐานะค่อนข้างอยากจน ทำงานหาเงินตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เขามีความฝันที่อยากจะเป็นแอร์ และวันนี้เขาทำได้ ทั้งที่เขาไม่ได้จบปริญญา อย่างคนอื่น วันนี้ไข่เจียวจึงนำประสบการณ์นี้มาฝาก ให้เป็นแรงบันดาลใจของสาวๆหลายๆท่านที่อยากจะเป็นแอร์ ไปดูกันเขามีวิธีการอย่างไร
กระทู้แชร์ประสบการณ์ครั้งที่ 2 แล้วแหละ !! ตื่นเต้นค่ะ กระทู้ที่แล้ว เป็นการแชร์ประสบการณ์ "ถึงเรียนไม่จบ แต่เพราะภาษาอังกฤษช่วยชีวิต" ค่ะ ตอนนั้น เราทำงานเป็น Guest service agent ในโรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่ง แต่อยากแชร์ประสบการณ์เนื่องจาก เราคือเด็กคนนึงที่เรียนไม่จบ แต่เพราะ มีภาษาติดตัว ทำให้เราได้งานน่ารัก เงินเดือนน่ากอด 555555 แต่เราไม่ได้หยุดความฝัน และ ความพยายามไว้เพียงแค่นั้น .. เรายังมีสิ่งที่เราต้องทำอีกคือ "การเป็นแอร์โฮสเตส"[ads]
จุดเริ่มต้นมันมาตั้งแต่ตอนเรา 7-8 ขวบค่ะ เรามีอาหญิง ที่ทำงานแอร์ของสายการบินทางฮ่องกง เห็นอาด้วยชุดยูนิฟอร์มครั้งแรก มันเหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งความหลงใหลค่ะ เราไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าอาชีพนี้คืออะไร .. เรารู้แค่ว่า เราต้องทำอาชีพนี้ให้ได้ ตั้งแต่นั้นมา .. ในทุกรายงาน ทุกหัวข้อที่ถามถึงอาชีพในฝัน .. มันต้องมีคำว่าแอร์อยู่ในนั้นเสมอๆ
ง่ายไหม?? ไม่ง่าย .. แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินความพยายามค่ะ บางคนสงสัยว่า เห้ย บ้านรวยรึเปล่า ถึงกล้าพูดได้ .. พ่อแม่สนับสนุนแน่นอน
โนววววววววว เลยค่ะ .. บ้านเราเรียกได้ว่าฐานะค่อนข้างลำบาก .. หนี้เยอะอ่ะค่ะ 55555555 ต่อให้ทุกคนในบ้านทำงาน และมีเงินเดือน แต่ก็ต้องเอาไปใช้หนี้สะ 60% ของเงินเดือน เงินเก็บอย่าพูดถึงเลยค่ะ ฉะนั้นเราต้องทำอะไรละคะ ที่จะทำให้เรามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้
พยายามให้มากกว่านี้ไงล่ะชีวิตเรามันต้องสู้ค่ะ สู้ถึงจะชนะ แม่พูดคำนี้เสมอๆ ตั้งแต่เรารู้ตัวว่าเราอยากเป็นแอร์ .. ทุกงานต่างๆ ที่เราเริ่มทำ ล้วนทำเพื่อต้องการฝึกภาษาทั้งสิ้นค่ะ ตอนอายุ 19 เราเริ่มเป็น part-time อยู่ร้านอาหารฟาสฟู้ด .. เราได้พูดคุยกับชาวต่างชาติเยอะมากค่ะ ฝึกทั้งภาษาและการพูดคุย .. ทำมาได้ 2 ปี .. เงินน้อยเกินค่ะ เลยเปลี่ยนงานใหม่
มาทำร้านกาแฟเงือกเขียวที่ระยอง .. ที่นี่เวิร์คมากกกกกกค่ะ เงินดี .. สวัสดิการเลิศ และให้เกียรติพาร์ทเนอร์ทุกคน (พนักงานจะเรียกว่าพาร์ทเนอร์ค่ะ เพราะทุกๆ ปีจะมีการปันหุ้นให้ด้วย) เราปลื้มปริ่มกับการร่วมงานแบรนด์นี้มาก
– ฝึกภาษาอังกฤษตลอด เพราะลูกค้าต่างชาติใช้บริการค่อนข้างเยอะ
– ได้ศัพท์ใหม่ๆ เยอะมาก เนื่องจาก ส่วนผสม หรือหลักสูตรการสอนส่วนใหญ่จะทับศัพท์ภาษาอังกฤษ
– ฝึกการเข้าหาลูกค้า และการพูดคุย ทำให้พูดเก่ง และยิ้มแย้มจนเป็นนิสัย
– ฝึกความอดทนในการโดนตำหนิ ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่นในระดับที่สูงขึ้น
ที่นี่เราทำเกือบ 2 ปีค่ะ ซึ่งในระหว่างนี้ เราสมัครเรียนที่โรงเรียนสอนแอร์แห่งหนึ่งด้วย .. โดย ..ทำงาน จันทร์ – ศุกร์ เย็นวันศุกร์นั่งรถตู้จากระยอง เข้า กรุงเทพ นอนบ้านญาติ เช้าวันเสาร์ – อาทิตย์เรียนคอสแอร์ เย็นวันอาทิตย์นั่งรถกลับระยองเราทำแบบนี้ประมาณ เกือบ 3 เดือนค่ะ เหนื่อยมากกกกกกก 5555555 ส่วนสายการบินที่เราไปลองมาบ้าง ก็จะเป็นแถบตะวันออกกลางค่ะ เราผ่านสนาม เอมิเรตส์ 3 สนามค่ะ
ครั้งแรกตกรอบข้อเขียนก่อนไฟนอลนิดเดียวเอง ตอนนั้นร้องไห้กลับบ้านเลยค่ะ
ครั้งที่ 2 ตกรอบพรีสกรีนเลย .. อ้วนเกินไป
ครั้งที่ 3 ตกรอบข้อเขียนเช่นเดียวกัน (ส่วนตัวเรา เราชอบสายการบินเอมิเรตส์มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กอ.ไก่อีกล้านตัว ชุดสีแดง ตัดกับผ้าสีขาว … ชุดสูทสีครีม ดูสวยมากๆ ค่ะ)
ส่วนสนามการ์ต้า 2 สนามค่ะ ครั้งแรกตกรอบข้อเขียน ครั้งที่ 2 ตกรอบพรีสกรีน และไม่เคยไปอีกเลย เพราะรู้สึกไม่อิน 55555 (แอบเลือกก็ได้เหรอ??) แต่เราไม่เคยสมัครสายในไทย หรือสายการบินใดๆ ที่ต้องจบปริญญาตรีเลยค่ะ เพราะไม่มีใบจบ เราเลยต้องพยายามภาษาอังกฤษมากกว่าเดิม เพื่อให้ไปสายตะวันออกกลางให้ได้ จนเรามาเปลี่ยนสายงาน มาสายโรงแรมโดยการเริ่มงานฟร้อนท์จากโรงแรมเล็กๆ เปิดใหม่ เพื่อให้มีประสบการณ์ก่อน และพัฒนาตัวเองจนสามารถไปสมัครที่ใหม่ๆ และไปจบที่โรงแรม 5 ดาวในตัวเมืองเชียงใหม่ได้ค่ะ และที่นี่เองทำให้เราได้ฝึกทุกสิ่งทุกอย่างที่จะสามารถทำให้เราเป็นแอร์ได้[ads2]
และเราก็มาสมัครสายการบินฝั่งตะวันออกกลางอีกจนได้ .. แต่ครั้งนี้แปลกไปไม่เหมือนเดิม คือ .. เราใช้เวลาสมัคร 1 ปี โดย .. ผ่านการทำข้อสอบ online ก่อน หลักจากผ่าน จะได้ทำ vdo interview .. พอส่งปุ๊ป .. เงียบบบบบบบบบบบบบ ไปเป็นปีเลยค่ะ ตอนแรกเราตัดใจแล้วว่าคงจะตกรอบเหมือนเดิม .. กลับมาอีกทีคือ มีอีเมล์เข้าทางเมล์ขยะ เพื่อเรียกไปสัมภาษณ์ !!! โอ้โห สมัครจนลืมเลยค่ะ !!! แต่แบบบบบบ ดีใจมาก เรารีบลางานทันทีเลย .. แต่ด้วยความที่ ลากระทันหัน .. เราลาได้แค่วันเดียวค่ะ .. ขอแลกตารางงานกับเพื่อน เงินเราก็ไท่พอสำหรับซื้อตั๋วเครื่องบินแน่นอน เพราะว่า แพงมาก ถ้าซื้อกระทันแบบนี้ เราเลยตัดสินใจไปรถทัวร์ค่ะ ตอนเช้า .. เราทำงานเลิก 5 โมงเย็น
นั่งรถทัวร์ไปลงกรุงเทพตอนตี 3 ที่สมบัติทัวร์วิภาวดีค่ะ แต่งหน้าทำผมที่นั่นเลยจนถึงตี 5 ครึ่ง ค่อยเดินทางไป โรงแรมเพื่อสัมภาษณ์วันสัมภาษณ์แบ่งออกเป็น 3 วันค่ะ วันละประมาณ 30 คนได้ เราได้วันที่หนึ่ง
ผู้สมัครค่อนข้างน้อยมาก สำหรับการคัดเลือกครั้งนี้ เพราะ ไม่ต้องพรีสรีนแล้ว .. มาถึงก็วัดส่วนสูง ทำข้อสอบได้เลยเราตื่นเต้นกับการทำข้อเขียนมากกกก เพราะตกมาตลอด แต่รอบนี้ ผ่าน !!!! แทบอยากจะกริ๊ดเป็นภาษาสเปน อิอิรอบต่อไปคือ Group discussion ค่ะ ทำกรุ๊ป 2 รอบ ก็คือ ผ่านๆๆๆๆๆ เย้ !!
รอบก่อนไฟนอลคือ Role play ค่ะ ให้เราแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้กรรมการดู .. กดดันมากกกเว่อออ แต่เราก็ผ่านไปได้ด้วยดี !! ตอนกรรมการประกาศผลว่าเราคือหนึ่งในผู้ผ่านไปรอบไฟนอล เราร้องไห้เลยค่ะ เพราะความสำเร็จมันช่างใกล้เหลือเกินจนถึงรอบไฟนอล .. รอบแห่งการลอยคอ รอคอยของเรามากกกกก ตื่นเต้นมากที่สุดในสามโลก .. เจอกรรมการทั้งหมด 2 คนค่ะ คนนึงจด คนนึงถาม .. ซึ่งถามรัวมากกกกก ละเอียดมากกกกกก เจาะลึกมากกกกกกกก จนเราแทบอยากจะมุดลงดินไป ณ ตอนนั้นเลย
ซึ่งกระบวนการทั้งหมด เสร็จภายใน 1 วันค่ะ .. ตอนเย็น เรานั่งรถทัวร์กลับ อีกวันทำงานต่อ !! เย้ !!! คุ้มค่ารถมาก แถมไม่ต้องนอนกรุงเทพด้วยค่ะ ถือว่านอนบนรถทัวร์ไปเลย ทราบผลอีก 1 เดือนต่อมาค่ะ ..ตอนเมล์เด้ง .. มือเราสั่นไปหมดเลย แต่พอเปิดเท่านั้นแหละ !!!
Congratulations!!!!!เราร้องไห้กระโดดกอดแม่เลยค่ะ!!!! 5555555555 เพราะในชีวิตนี้ มันเหมือนเราทำความฝันให้เป็นจริงได้แล้ว เราสามารถเลี้ยงแม่ได้อย่างเต็มที่ .. ซื้อของดีๆ ให้แม่ใส่ พาแม่ไปเที่ยว พาแม่ไปกินของดีๆ ได้แล้ว .. มันเป็นความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ถูกเลยค่ะ
จากคนๆ นึงที่เรียนไม่จบ .. เริ่มการทำงานไม่ได้เงินเดือนสูงๆ พื้นฐานครอบครัวที่ไม่มีอะไรเลย .. จนเรามาถึงวันที่สอบติดแอร์ .. วันที่ลบคำครหาของญาติพี่น้องที่เคยพูดกับแม่เราไปได้หมดเลยค่ะ .. เราดีใจมากกก ที่เราจะสามารถตอบแทนบุญคุณแม่ได้แล้ว อิอิตอนนี้เรากำลังรอเรียกลงแบชอยู่ค่ะ ตอนนี้ก็เตรียมเอกสารสำคัญรอกันไป
เ รื่องนี้อาจจะยาวนิดนึง (เหรอ!!) แต่อยากให้คนที่กำลังขี้เกียจ หรือ คนที่กำลังคิดว่าจบมาไม่มีทางได้งานดีๆ ทำ เราอยากให้คิดใหม่ .. พยายาม .. และตั้งใจค่ะ เราเชื่อว่าความสำเร็จมันอยู่ไม่ไกลเลยจริงๆ แต่ยังไงก็ตาม .. เรายังยืนยันคำเดิม ว่าปริญญาคือดีที่สุด มีไว้แล้วเราจะได้มีตัวเลือกอีกเยอะแยะมากมายค่ะ
และ !! อย่าเอา มาร์ค ชัคเคิลเบิร์ก, บิล เกต มาเป็นตัวอย่างในการเรียนไม่จบนะคะ เพราะเค้าคืออัจฉริยะที่เก่งกว่าการมานั่งเรียนค่ะ .. ซึ่งถ้าเราไม่ใช่แบบเค้า .. ต้องขยันและตั้งใจบวกพยายามด้วยค่ะ ..
ความคิดเห็นจากชาวเน็ต
advertisement
อยากมีลูกที่เก่งแบบนี้[ads3]
advertisement
ไม่มีอะไรในชีวิต ได้มาง่ายๆ นะคะ แต่ถ้าเป้าหมายเราชัดเจนมากพอ .. เราก็สามารถทำมันได้อย่างแน่นอนค่ะ แต่อย่างไรแล้วการศึกษาก็สำคัญที่สุดนะคะ มีไว้แล้วทางเลือกของเราอาจจะเยอะกว่าเดิม จำไว้นะคะ รากฐานของบ้านคืออิฐ รากฐานของชีวิตคือการศึกษา
เรียบเรียงโดย: kaijeaw.com ขอขอบคุณที่มาจาก: scorastika