ตำลึงหวาน หรือ อ่อมแซ่บ สรรพคุณทางยาเพียบ
advertisement
ตำลึงหวาน(อ่อมแซ่บ) เป็นพืชคลุมดินธรรมดา ไม้ล้มลุก สูง30-60ซม. บางครั้งเป็นเถา มีดอกหลากสีบอบบาง ได้แก่ สีเหลือง สีขาว สีม่วงขาว สีม่วงเข้ม มักเกิดขึ้นทั่วไปคล้ายวัชพืชตามป่าหญ้า ข้างทางทั่วไป ส่วนใหญ่จะขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือแม้แต่มาขึ้นเองในเขตบ้าน ซึ่งต้น “ตำลึงหวาน” จะมีความเป็นพิเศษคือ ยอดอ่อน ใบอ่อน มีรสหวานเป็นธรรมชาติ ชาวเหนือและอีสานจึงนิยมนำมาปลูกเป็นผักสวนครัว เพราะทำอาหารได้หลายอย่าง ที่ขึ้นชื่อที่สุดคือใส่ แกงอ่อม น้ำแกงจะมีรสหวานเป็นธรรมชาติไม่ต้องปรุงมากเลย นอกจากนั้นยังใช้ทำเป็น ผัดไฟแดง แกงจืด ชุบแป้งทอด ลวก หรือ กินสดกับน้ำพริกชนิดต่างๆ ได้อร่อยมาก และมีสรรพคุณทางยาสมุนไพรอย่างมาก ตาม Kaijeaw.com มาดูกันเลยค่ะ
advertisement
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Asystasia gangetica (L.) T. Anders.
ชื่อพ้อง : Justicia gangetica L.
ชื่อสามัญ : Ganges Primrose, Ganges River asystacia, Chinese violet, Coromandel, Creeping foxglove, Baya, Yaya, Indian asystacia
ชื่ออื่นๆ : บาหยา, ย่าหยา, บุษบาฮาวาย, บุษบาริมทาง(กรุงเทพฯ); ผักกูดเน่า (เชียงใหม่), อังกาบ, อ่อมแซบ, หญ้าเบญจรงค์, ตำลึงหวาน, เบญจรงค์ 5 สี
ลักษณะของตำลึงหวาน(อ่อมแซ่บ)
ต้น : ไม้ล้มลุก สูง 30-60 ซม. บางครั้งเป็นเถา ลำต้นและกิ่งเป็นเหลี่ยม
ใบ : ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรี รูปไข่ หรือคล้ายรูปสามเหลี่ยม ยาว 2-5 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบตัดหรือกลม ขอบใบเรียบหรือหยักมน แผ่นใบมีขนสั้นนุ่มหรือเกลี้ยง ก้านใบยาวได้ประมาณ 2 ซม.
ดอก : ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะด้านเดียว ใบประดับรูปใบหอก ยาวประมาณ 3 มม. มีขนยาว กลีบเลี้ยง 5 กลีบ แฉกลึก กลีบรูปใบหอก ยาว 5-9 มม. มีขนกระจาย กลีบดอกรูปแตร ปลายบานออกมี 5 กลีบ เรียงซ้อนเหลื่อม สีเหลืองอ่อน สีขาวครีม สีชมพู หรือสีม่วง หลอดกลีบยาวได้ประมาณ 2 ซม. เรียวแคบจรดโคน ปากหลอดกลีบเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. มีขนด้านนอก กลีบกลมขนาดประมาณ 1.5 ซม. เกสรเพศผู้ 4 อัน สั้น 2 อัน ยาว2 อัน ไม่ยื่นพ้นปากหลอดกลีบดอก อับเรณูรูปขอบขนาน ยาวไม่เท่ากัน ยาว 2.5-3 มม. รังไข่ 2 ช่อง รูปขอบขนาน มีขนปกคลุม แต่ละช่องมีออวุล 2 เม็ด ก้านเกสรเพศเมียเรียวยาว ยาวประมาณ 2 ซม. มีขนที่โคน ยอดเกสรขนาดเล็ก
ผล : ผลแบบแคปซูล รูปขอบขนาน ยาว 2.5-2.8 ซม. รวมก้านผล มีขนสั้นนุ่ม เมล็ด 4 เมล็ด เกลี้ยง
advertisement
สรรพคุณทางยาสมุนไพรของตำลึงหวาน
ราก – มีสรรพคุณแก้ไข้เพื่อโลหิต แก้พิษฝีภายใน แก้ไข้เหนือ ขับลมให้ซ่านออกมาทั่วตัว
ใบ – แก้อาการปวดบวม ปวดตามข้อ ขับพยาธิ และเป็นพืชอาหาร ใช้กินเป็นผัก
ใบและดอก – ช่วยสมานลำไส้ ลดไข้ บรรเทาอาการเจ็บท้องคลอดลูก บำรุงเลือด บำรุงกำลัง บำรุงสายตา แก้พิษงู และแก้ม้ามโตในเด็กที่เกิดใหม่
องค์ประกอบทางเคมี
ดอกพบไบฟลาโวนไกลโคไซด์ ได้แก่ apigenin 7-O-glucosyl (3'→6"), luteolin 7"-O-glucoside ส่วนเหนือดิน พบ asysgangoside, 5,11-epoxymegastigmane glucoside, salidroside, benzyl beta-D-glucopyranoside, (6S,9R)-roseoside, ajugol, apigenin 7-O-neohesperidoside
advertisement
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
– สารสกัดเฮกเซน เอทิลอะซิเตต และเมทานอลจากทั้งต้น มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียทั้งชนิดแกรมลบ และแกรมบวก และเชื้อรา หลายชนิด
– สารสกัดน้ำ และเมทานอลจากลำต้นและใบ มีฤทธิ์ลดปวด และต้านการอักเสบในหนูทดลอง
– สารสกัดเอทานอลจากใบ มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาล และไขมันในเลือด ในหนูทดลอง
– สารสกัดเมทานอลจากใบ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในหลอดทดลอง
– สารสกัดเฮกเซน เอทิลอะซิเตต และเมทานอลจากใบ มีฤทธิ์ลดสารฮีสตามีนจากโรคหอบหืดจากการทดสอบด้วยชุดทดสอบแบบ in vitro
advertisement
วิธีการปลูก
การเพาะขยายพันธุ์ การตัด ลำต้นไปปักกับดิน โดยนำกระถางกระดาษมาเจาะรูที่ก้นเพื่อระบายน้ำใส่ดินให้พอดี หรือจะปลูกลงดินก็ได้ เลือกต้นตำลึงหวานที่จะมาปลูก โดยการเลือกกิ่งแก่ ริดใบที่แก่ออกเหลือใบอ่อน ปักลงดิน รดน้ำให้ชุ่มวันละ 1 ครั้ง
ต้องเชื่อกันแล้วนะคะ ว่าวัชพืชที่พบขึ้นตามข้างทางทั่วไปอย่างตำลึงหวานนั้น กลายเป็นพืชที่กินได้ รสชาติอร่อย มีสรรพคุณทางด้านสมุนไพร และยังปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับที่สวยงามได้อีกด้วย จากนี้ไปคงไม่ต้องถอน ถาง ทำลายทิ้งกันแล้วนะคะ หากแต่ควรปลูกไว้ใช้ประโยชน์บ้างก็จะเป็นการดีมากเลยทีเดียวค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com