น้ำผึ้งแท้หรือปลอม ตรวจสอบอย่างไร? รู้ไว้จะได้ไม่โดนหลอก!!
advertisement
“น้ำผึ้ง” อาหารจากธรรมชาติที่มนุษย์รู้จักมาตั้งแต่สมัยโบราณ ที่ช่วยเสริมสุขภาพ เรียกได้ว่าเป็นยาอายุวัฒนะอย่างหนึ่ง มีสรรพคุณทางยาและคุณค่ามากมาย และยังเป็นอาหารบำรุงผิวที่มีประโยชน์เหมาะกับเรื่องความสวยความงาม โดยเป็นที่รู้กันดีและใช้ประโยชน์กันอย่างกว้างขวาง ทั้งอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์เสริมความงามมีการนำน้ำผึ้งมาเป็นส่วนผสมอย่างมากมาย แต่น้ำผึ้งแท้จากธรรมชาตินั้นปัจจุบันนับว่าหายากมากแล้ว ที่มีขายตามท้องตลาดมีการปรุงแต่งหรือของปลอมเป็นส่วนใหญ่ เพื่อประโยชน์ในเชิงธุรกิจ นั่นทำให้คุณค่าของน้ำผึ้งที่แท้จริงเสียไป ดังนั้นแล้ววิธีการตรวจสอบให้รู้จริงว่าน้ำผึ้งแท้หรือไม่สำคัญมากนะคะ Kaijeaw.com จึงมี วิธีการตรวจสอบน้ำผึ้งแท้หรือปลอมมาบอกกันค่ะ รู้ไว้นะ ..จะได้ไม่โดนหลอก!!
advertisement
“น้ำผึ้ง” เกิดจากการที่ผึ้งนำน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ที่ผึ้งบินไปตอม ซึ่งเป็นน้ำหวานจากธรรมชาติมา แล้วใช้กระบวนการตามธรรมชาติ เปลี่ยนแปลงมาเป็นน้ำผึ้ง ซึ่งน้ำผึ้งที่ได้มานั้นย่อมขึ้นอยู่กับวัตถุดิบหรือชนิดของเกสรดอกไม้ที่ผึ้งไปตอมมา รวมถึงสภาวะแวดล้อมของพืชชนิดนั้นๆ และบริเวณที่ผึ้งเจริญเติบโตอยู่
เพราะฉะนั้นน้ำผึ้งที่ได้จากผึ้งป่า หรือผึ้งที่เลี้ยงในป่าแบบปล่อยธรรมชาติ จึงมีความสมบูรณ์และมีแร่ธาตุอาหารที่แตกต่างจากน้ำผึ้งเลี้ยงในฟาร์มผึ้ง ซึ่งน้ำผึ้งเลี้ยงบางครั้งหรือพ่อค้าบางคนที่นำน้ำผึ้งจริงมาปรุงแต่งเติมน้ำหวานจากน้ำตาล และเกสรเทียมซึ่งทำให้คุณค่าลดน้อยลงไป
การทดสอบน้ำผึ้ง ว่าเป็นของแท้หรือไม่นั้น จำเป็นต้องใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ทดสอบเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐาน จึงจะทราบแน่ชัด ไม่มีวิธีการทดสอบง่ายๆ ตามที่เราเคยได้ยินได้ฟังกันมา อย่างไรก็ตาม มีหลักเกณฑ์ที่พอจะใช้สำหรับสังเกตน้ำผึ้งแท้ได้ ดังนี้[ads]
1. น้ำผึ้งต้องมีสีตามธรรมชาติ ตั้งแต่สีเหลืองอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาล แต่ถ้ามีสีเข้มมากจนดำ แสดงว่าเป็นน้ำผึ้งที่เก็บมานานแล้ว ซึ่งคุณประโยชน์อาจจะลดน้อยลงไป จึงควรสังเกตวันหมดอายุที่ข้างขวดก่อนซื้อด้วย
2. ลักษณะน้ำผึ้งต้องใสสะอาด ไม่มีสิ่งเจือปน ไม่มีผึ้งปน ถ้ามีแสดงว่าวิธีการเก็บเกี่ยวไม่ดี
3. เขย่าขวดดูฟองอากาศและการแยกชั้น น้ำผึ้งแท้จะมีฟองอากาศใหญ่ ลอยตัวเร็ว เป็นเนื้อเดียวกัน ไม่แยกชั้น ส่วนน้ำผึ้งปลอมจะมีฟองอากาศมาก ลอยตัวช้า และมองเห็นการแยกตัวเป็นชั้น
4. น้ำผึ้งแท้จะมีความหนืด เหนียว ไหลช้าเวลาเท แม้จะอยู่ในสภาพอากาศร้อน
5. น้ำผึ้งควรมีกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ระบุไว้บนฉลาก เช่น น้ำผึ้งลำไยก็ควรมีกลิ่นลำไย นอกจากนี้ควรมีกลิ่นรสตามธรรมชาติ ไม่บูดเปรี้ยวหรือเป็นฟอง
6. สังเกตจากตกผลึกของน้ำผึ้ง ความเชื่อที่ว่าน้ำผึ้งแท้นั้นไม่ตกผลึก แต่น้ำผึ้งปลอมตกผลึก ความจริงแล้วทั้งน้ำผึ้งแท้และน้ำผึ้งปลอมสามารถตกผลึกได้เหมือนกัน เพียงแต่รูปแบบของผลึกจะแตกต่างกัน ผลึกของน้ำผึ้งแท้จะเป็นเหลี่ยมเป็นแท่งที่แหลมคม ส่วนน้ำผึ้งปลอมที่มีส่วนผสมของน้ำตาลหรือคาราเมล ผลึกจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู แต่ต้องส่องดูด้วยกล้องจุลทัศน์จึงจะมองเห็นได้ ส่วนน้ำผึ้งปลอมที่ทำจากแบะแซจะไม่มีการตกผลึก น้ำผึ้งที่ตกผลึกก้นขวด อาจเป็นเพราะเก็บไว้นานแล้ว
advertisement
7. วิธีทดสอบน้ำผึ้งแท้โดยการติดไฟ โดยนำไม่ขีดไฟมาจุ่มลงในน้ำผึ้ง แล้วเอามาขีดกับข้างกล่อง (ข้างกลัก) ไม้ขีด ถ้าสามารถขีดติดไฟได้ แสดงว่าเป็นน้ำผึ้งแท้ แต่ถ้าขีดไม่ติด หัวไม้ขีดไฟเปื่อยยุ่ยแสดงว่าเป็นน้ำผึ้งปลอม หรือน้ำผึ้งผสมน้ำตาล
8. การหยดน้ำผึ้งบนกระดาษทิชชู่ โดยการนำน้ำผึ้งที่ต้องการทดสอบหยดลงบนกระดาษทิชชู่ ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้เมื่อหยดแล้วน้ำผึ้งนั้นจะคงรูปอยู่บนผิวทิชชู่ ไม่ซึมลงไปในเยื่อกระดาษ แต่ถ้าเป็นน้ำผึ้งปลอมหรือผสม น้ำผึ้งจะซึมลงกระดาษทิชชู่ทันทีที่หยดลงไป
9. ปูนแดง โดยใช้ปูนแดงหรือปูนกินหมาก โดยเทน้ำผึ้งลงในฝ่ามือจากนั้นเทปูนแดงตามลงไป จากนั้นคนให้เข้ากัน ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้จะรู้สึกร้อนที่ฝ่ามือทันที แต่ถ้าเป็นของปลอมจะไม่รู้สึกอะไรเลย[ads2]
advertisement
10. หยดลงในน้ำเย็น หยดน้ำผึ้งลงไปในแก้วน้ำเย็น ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้ หยดน้ำผึ้งนั้นจะจับตัวเป็นหยดและตกลงไปยังก้นแก้วก่อนจะค่อยๆ ลอยกลับขึ้นมา แต่ถ้าเป็นน้ำผึ้งผสมหรือน้ำผึ้งปลอม เมื่อหยดลงในน้ำเย็นก็จะเกิดการแตกตัวหรือแตกกระจายในน้ำทันที
11. แช่ตู้เย็น นำน้ำผึ้งไปใส่ในช่องแช่แข็งของตู้เย็น ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้จะไม่จับตัวแข็งเป็นก้อน แต่จะมีรูปร่างลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ ในขณะที่ของปลอมจะจับตัวแข็งเหมือนนำน้ำหรือน้ำเชื่อมไปแช่นั่นเอง
12. สังเกตจากการเก็บ น้ำผึ้งแท้นั้นเมื่อถูกเก็บไว้นานๆ จะมีสีคล้ำขึ้น แต่รสชาติและลักษณะอื่นจะยังคงเหมือนเดิมทุกประการ ในขณะที่ของปลอมจะเกิดการแยกชั้นของน้ำผึ้งและน้ำตาลอย่างชัดเจน กลิ่น สีและรสชาติก็เปลี่ยนไปด้วย การทดสอบน้ำผึ้งแท้วิธีนี้ทำได้ง่ายมาก
13. การชิม วิธีการตรวจสอบน้ำผึ้งแบบนี้จะเห็นผลชัดเจนเวลาเราเหนื่อยหรืออ่อนเพลีย ให้กินน้ำผึ้งประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ เมื่อผ่านไปประมาณ 20 นาที ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้เราจะรู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวยมีแรงหายอ่อนเพลีย แต่ถ้าเป็นของปลอมเราจะไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย[ads3]
วิธีการต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้ให้ผลที่แน่นอน 100% นะคะ คงต้องให้วิธีการตรวจสอบร่วมกันหลายๆ วิธี เพื่อทำให้แน่ใจว่าท่านได้ซื้อน้ำผึ้งแท้ เพราะอย่างที่บอกในเบื้องต้นว่าการทดสอบน้ำผึ้ง ว่าเป็นของแท้หรือไม่นั้น จำเป็นต้องใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ทดสอบเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐาน จึงจะทราบแน่ชัด
หรือถ้าดูน้ำผึ้งไม่เป็นเลย ก็อาจสังเกตจากฉลากว่า มีชื่อผู้ผลิตและที่อยู่ชัดเจน บริษัทผู้ผลิตน่าเชื่อถือหรือไม่ ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือไม่ โดย อย. ได้กำหนดให้น้ำผึ้งเป็นอาหารควบคุมเฉพาะ ต้องมีคุณภาพมาตรฐานตามที่กำหนด ห้ามเจือสีและห้ามใช้วัตถุเจือปนอาหารทุกชนิด ภาชนะบรรจุต้องสะอาด แห้ง ปิดสนิท ไม่มีสี ไม่มีสารพิษที่อาจละลายออกมา และสามารถมองเห็นน้ำผึ้งที่บรรจุอยู่ภายในได้ ปริมาณที่บรรจุต้องครบตามที่ระบุไว้ในฉลาก ที่สำคัญ ต้องมีเครื่องหมาย อย. บนฉลาก เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกซื้ออย่างวางใจได้
เมื่อเลือกซื้อน้ำผึ้งที่ดีได้แล้ว ก็ต้องเก็บให้ดีด้วยนะคะ ซึ่งควรเก็บในภาชนะปิดสนิท เก็บในที่เย็น แต่ไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็น และไม่ควรถูกแสงแดด เพราะจะทำให้น้ำผึ้งเสียคุณค่าทางอาหารก่อนที่เราจะรับประทานไปเสียหมด ซึ่งตามอายุการใช้งานแล้วไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 2 ปี
ประโยชน์ของน้ำผึ้งนั้น มีวิตามิน บี ซี และแร่ธาตุต่างๆ เช่น ฟอสฟอรัส แคลเซียม เกลือแร่ กรดอะมิโนจำเป็น รวมถึงสารเอนติออกซิเดนท์ ต่างๆมากมาย ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับการเลือกสรรน้ำผึ้ง ต้องเป็นของแท้ มีกระบวนการเก็บที่ดี และไม่มีการปรุงแต่ง และควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะด้วยนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com