มีหนี้ อย่าไปเครียด!! มาดู 4 เคล็ดลับช่วยปลดหนี้ อ่านและลองนำไปใช้ดู ปลดหนี้ได้แน่!!
advertisement
คนไม่มีหนี้ คือลาภอันประเสริฐ คำนี้คือนิยามที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนที่ไม่มีหนี้ และสำหรับคนเป็นหนี้ก็คงจะต้องอยู่อย่างยากลำบากสุดๆ เพราะเราต้องเจียดแบ่งเงินมาใช้หนี้ทำให้เงินไม่เหลือพอใช้ หมุนเงินไม่ทันก็ต้องไปกู้หยิบยืมมาไม่จบไม่สิ้น และวันนี้ไข่เจียวเลยอยากจะขอแชร์บทความ ที่เป็น ทางเลือกในเบื้องต้นนะ เผื่อลองพิจารณากันว่าจะนำไปประยุกต์ใช้กันได้บ้าง
1. หยุดก่อหนี้เลยตั้งแต่วันนี้
หากเราเข้ามาอยู่ในสถานะที่เกิดวิกฤติทางการเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รู้สึกว่าชำระหนี้ไม่ไหว หรือมีการผิดนัดชำระหนี้ (จ่ายไม่ไหวนะตัวเอง ขอไม่จ่ายแล้วหายใจก่อนน้า) เราควรจะต้องเริ่มจัดการที่ตัวเองเลยด้วยการหยุดก่อหนี้ใดๆ ไม่ไปรูดบัตรเครดิตกดเงินสดออกมาเพื่อมาผ่อนชำระสินค้าใดๆ ไม่เช่นนั้นหนี้มหาศาลก็จะเข้ามาในชีวิตเพิ่มขึ้นนะครับ
2. ลองหาทางลดค่าใช้จ่ายกัน
บางคนอาจจะบอกว่า อ้าวก็ไม่มีเงินจะให้ทำยังไง ช่วงนี้ใช้จ่ายเยอะ เราก็ต้องกดเงินออกมาใช้จ่าย เอาบัตรเครดิตผ่อนไปก่อนเพื่อให้มันอยู่รอดได้ แหม… อันนี้ผมจะขอเสนอให้ลองทบทวนค่าใช้จ่ายกันอีกทีนะครับ ว่าจริงๆ รายจ่ายไหนที่เราสามารถสร้างทางเลือกให้กับตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นเดิมที กินแต่ร้านหรู ก็ลงลดระดับชีวิตลงให้อยู่ง่ายๆ ขึ้น หรือเมื่อก่อนนั่งแต่แทคซี่ก็เปลี่ยนมาเป็นนั่งขนส่งสาธารณะอื่นๆ การลดรายจ่ายและสร้างทางเลือกให้กับตัวเองจะทำให้เราใช้จ่ายน้อยลง ทำให้เงินในกระเป๋าเหลือมากขึ้น ไม่ต้องไปพึ่งบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และหากเงินเราเหลือก็ยังเหลือเก็บก็ยังเอาไปใช้หนี้ได้อีก [ads]
advertisement
3. คุยกับเจ้าหนี้เพื่อขอผ่อนชำระให้สะดวกขึ้น
จำไว้ว่าเวลามีหนี้ อย่าหนี เพราะเราไม่สามารถหนีไปไหนได้และการเบี้ยวหนี้นั้นก็ทำให้เราเสียประวัติ เสียเครดิตในชีวิต เนื่องจากธนาคารเขาสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลประวัติทางการเงินของแต่ละคนได้ และถ้าเราเบี้ยวเงินธนาคารขึ้นมาก็ทำให้ธนาคารอื่นรู้ และทำให้ยื่นกู้เงินต่างๆ ไม่ได้ (ภาษาชาวบ้านเรียกติดเครดิดบูโร) นอกจากนี้แล้วเรื่องผิดสัญญาการชำระหนี้ก็อาจจะทำให้เราถูกฟ้องร้องได้ด้วยนะครับ
เพราะฉะนั้นแล้วหากเกิดเหตุการณ์ที่เราชำระหนี้ไม่ไหว ก็ลองติดต่อเจ้าหนี้ดูว่าจะให้ผ่อนชำระให้สะดวกขึ้นอย่างไรได้บ้าง เขาก็อาจจะให้ผ่อนต่อเดือนน้อยลงและยึดเวลาให้ยาวขึ้น แต่อาจจะต้องจ่ายมากขึ้นกว่าเดิมนะ ตัวอย่างสมมติ เช่น มีหนี้ 100,000 บาท ผ่อนเดือนละ 10,000 เป็นเวลา 10 เดือน ถ้าเรามองว่าเงินเดือนเราหักมาใช้หนี้ไหวแค่เดือนละ 5,000 บาท เขาก็อาจจะยึดหนี้ให้เป็นผ่อน 24 เดือนก็ได้ แต่อย่างที่บอกนะครับ การยืดหนี้เขาจะคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเข้าไปด้วย ในกรณีสมมตินี้จะจ่ายเพิ่มเป็น 120,000 บาท (5,000 x 24 เดือน) แต่มันก็ทำให้เราหายใจคล่องขึ้นได้
อันนี้ต้องลองพูดคุยกับเจ้าหนี้ในแต่ละรายนะครับ แต่ละที่อาจจะมีนโยบาย วิธีการและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน
4. ขายทรัพย์สิน หาเงินเพิ่มมาชำระหนี้ (หายามารักษา) [ads]
เชื่อไหมว่าหลายคนเป็นหนี้จากการผ่อนซื้อสินค้าราคาแพง ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า โทรศัพท์มือถือ เรียกได้ว่ามี Collection พร้อมในการออกงานได้ตลอด บางคนมีเสื้อผ้าอยู่เต็มตู้เลย บางอย่างเราซื้อมาปัจจุบันไม่ได้ใช้แล้ว มันก็สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ นอกจากเราจะสามารถเปลี่ยนของกลับเป็นเงินมาชำระหนี้ก็ยังช่วยคืนความสุขให้กับตู้เสื้อผ้าด้วยเหมือนกันนะครับ จะขายตาม Online อย่างใน Facebook หรือ Instagram ก็ได้ หรือจะไปเปิดท้ายขายเป็นของมือ 2 ตามตลาดนัดก็ได้
advertisement
หลายคนที่ผมรู้จักไม่เคยขายของเป็นเลย แต่พอเป็นหนี้ขายของเก่งมากและพอมีทักษะการขายจากการเรียนรู้เกี่ยวสินค้า ลูกค้า การพัฒนาการบริหาร จนกระทั่งมีลูกค้าที่ชอบเรามากขึ้น กลับกลายเป็นนักขายมืออาชีพ และไปสั่งของมาขายอีก สร้างผลกำไรต่อยอดให้กับตัวเอง จากที่เป็นหนี้เยอะๆ กลายเป็นคนรวยไปเลย ทำให้ผมเข้าใจเลยว่าทำไมคนที่เคยเป็นหนี้ 10 ล้าน ถึงกลายมาเป็นนักธุรกิจ 100 ล้านกันได้
แต่ที่ผมเล่าให้ฟังนั้นไม่ใช่ว่าจะหมายถึงการขายของเท่านั้น หลายคนอาจจะสร้างรายได้เพิ่มด้วยวิธีการอื่นๆ ตามที่ตัวเองถนัดนะครับ บางคนอาจจะไปรับจ้างสอนพิเศษ บางคนอาจจะไปรับจ้างออกแบบกราฟฟิค อยู่ที่เราเลยว่าจะหารายได้เพิ่มยังไงได้บ้างเพื่อมาช่วยรายได้หลักของเราในการชำระหนี้ครับ
สรุป หากเรามีหนี้ อย่าไปเครียดนะครับ การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ต้องอายที่จะเปิดเผยปัญหา เราจะได้หาทางแก้ด้วยกัน หากเป็นหนี้ก็ต้องหยุดก่อหนี้ หาทางชำระหนี้ไม่ว่าจะลดค่าใช้จ่ายหรือเพิ่มรายได้ของตัวเองและพูดคุยกับเจ้าหนี้ในเรื่องการชำระเงินดูเผื่อทำให้ชีวิตเรามีทางออกนะครับ
ขอขอบคุณที่มาจาก : TarKawin