ละเอียดยิบ!! ใครที่กำลังจะ ‘ซื้อรถยนต์’ เตรียมตัวให้ดีกับค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ต้องวางเเผนให้ดีต้องเจอเเน่นอน
advertisement
เมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นการที่เราจะซื้ออะไรสักอย่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน เป็นรถ ต้องมีการวางเเผนชีวิต การวางเเผนการเงินเป็นอย่างดี อย่างการที่จะออกรถสักคัน จะมีค่าใช้จ่ายอะไรตามมาอีกมากมาย อย่างสมาชิกพันทิป Monster Kill999 ได้เเชร์ประสบการณ์ในการออกรถคันเเรก จะมีค่าใช้จ่ายอะไรตามมาอีกมากมายให้ได้ดูอย่างละเอียด จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยครับ
advertisement
วันนี้อยากจะมีแชร์ประสบการณ์ หลังจากผมได้ออกรถมาเป็นระยะเวลา 4 ปีกว่า ๆ
รถยนต์ Cityปี2013 เป็นคันแรกของผมเลย แน่นอน!! มันก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายตามมาเป็นพวง โดยได้บันทึกไว้อย่างละเอียดยิบ
advertisement
โดยคิดจากพื้นฐานของตัวผมเองดังนี้
1. ทำงานอยู่ใน กทม. แต่!! ไม่ได้ใช้รถยนต์ไปทำงานนะครับ ใช้แต่มอไซด์เป็นหลัก
2. เป็นผู้ชาย แล้วไง??? อ้าวก็ต้องรักความสวยงามของรถ ความสะอาด แต่งรถบ้างไรบ้าง
3. คิดจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นมาใน 4 ปี ตั้งแต่กลางปี 2556 (2013) – กลางปี2560 (2017)
4. การเดินทางไปห้างส่วนใหญ่ หลักๆจะใช้มอไซด์ ไม่ก็รถสาธารณะ ยกเว้นมันไกลจริงๆ[ads]
advertisement
ซึ่งหลักๆแล้วค่าใช้จ่ายสำหรับรถยนต์ แบ่งเป็น 5 ประเภท
1 น้ำมัน
2 ทางด่วน
3 แต่งรถ
4 บำรุงรักษา ส่วนนี้จะรวมถึงเชคระยะทุก ๆ 6เดือน น้ำยาล้าง ขัด เคลือบ ล้างรถคาร์แคร์ทุกอย่างรวมหมด
5 ประกันภัย+ต่อพรบ.
ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เล็กน้อยที่ไม่ได้นำมารวม เช่น ค่าจอดรถตามห้าง อุปกรณ์ที่ใช้ในรถยนต์ ที่วางมือถือ ที่ช๊าตมือถือ บลา ๆๆๆ เป็นต้น เอาหล่ะ ที่นี้ลองดูตัวเลขกันเลยดีกว่า อย่าพึ่งตีมึนนะ จะพยายามสรุปแบบง่ายๆตามตาราง ไปดู!!
ส่วนแรก : ค่าใช้จ่ายไหนดูแล้วหนักที่สุด!!
ผมทำสรุปเป็นตารางค่าใช้จ่ายแต่ละรายการ ตั้งแต่ปีที่ 1 ที่ออกรถ จนถึงปีที่ 4
advertisement
เอาหล่ะ ถ้าเราลองตีเป็นสัดส่วน% จะเห็นได้ชัดเจนว่า
advertisement
advertisement
ขอสรุปเป็นข้อๆได้ดังนี้
1.1 ค่าใช้จ่ายน้ำมันทั้ง 4 ปี อยู่ที่ 127,300 บาท ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดถึง 45% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด
1.2 รองลงมาเป็นค่าแต่งรถ อันนี้จะเห็นว่า หนักๆเลยอยู่ในปีที่ 1 ออกรถมาทั้งที ต้องเปลี่ยนล้อแมก เปลี่ยนยาง สปอยเลอร์ ทำโน่น ทำนี่ จนกว่าจะพอใจ ทำให้ปีแรกพุ่งไปถึง 53,068 บาท แต่!!หลังจากปีแรกก็ไม่ได้ทำอีกเลย เว้นแต่ซื้ออะไรเล็กๆน้อยๆ อีร๊อกก๊อกแก๊ก
1.3 ถัดมาเป็น ประกัน/พรบ. เหมือนจะเป็นส่วนที่หลายคนอาจจะไม่ได้เตรียมรับมือกับ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เท่าไหร่ แต่!!มันเอาเรื่องอยู่นะ กรณีของผม ปีหลังๆจะปรับมาเป็นประกันชั้น 2 เนื่องจากไม่เคยขับขน หรือถูกใครชน จึงทำให้เบี้ยประกันถูกลงพอสมควร
advertisement
1.4 ค่าบำรุงรักษา เผอิญเป็นคนที่รักรถเป็นพิเศษ จะต้องเสียค่าน้ำยาสำหรับล้าง ขัด เคลือบ และค่าล้างรถไปเยอะพอสมควร อ่อ…แล้ว ส่วนนี้ยังรวมถึงค่าเชคระยะทุก ๆ 6 เดือนด้วยนะ เปลี่ยนอะไหล่ตามที่จำเป็นเท่านั้น ตามในสมุดคู่มือรถแนะนำ ไม่มีอะไรนอกเหนือ
1.5 ส่วนน้อยที่สุดคือค่าทางด่วน 4 ปี ตก 10,270 บาท นี่เป็นค่าทางด่วนสำหรับเดินทาง ไปทงไปเที่ยว กลับบ้านตจว. ไม่เกี่ยวข้องกับเดินทางไปทำงานนะครับ เพราะผมใช้มอฯไซด์
1.6 สุดท้ายแล้วค่าใช้จ่ายรวม 4 ปี เท่ากับ 285,220 บาท ซึ่งถ้าตีเทียบกับมูลค่ารถ 546,000 บาท (หลังหักคืนภาษีแล้ว 100,000 บาท)
***นั้นเท่ากับว่า เลย 50% ไปแล้ววววววว โอ้วไม่เบาเลยนะ หรือคิดง่าย ๆ ว่า ถ้าเราใช้รถยนต์ถึง 8 ปีมีค่าใช้จ่ายรวมเท่ากับราคารถ 1 คันเลยทีเดียว***[ads2]
2.เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในแต่ละปี
คราวนี้ลองเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในแต่ละปีดูบ้างว่ามีแนวโน้มเป็นยังไง
ตีเส้นกราฟค่าใช้จ่ายในแต่ละปีเพื่อให้ดูง่าย ๆ
advertisement
2.1 จะเห็นว่า ค่าใช้จ่ายรวมในปีที่ 1 จะสูงสุด เนื่องจากมีค่าแต่งรถมาเกี่ยวข้อง ซึ่งถ้าตัดออกก็จะเหลือประมาณ 72,xxx ก็จะลงมาอยู่ที่ระดับใกล้ ๆ กับปีที่ 2 3 และ 4 โดยค่าใช้จ่ายที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง(หลักๆ)คือค่าน้ำมัน ที่ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันในขณะนั้นผมได้ทำกราฟไว้ให้ดู
2.2 ปีแรกที่ออกรถ (กลางปี2013) ราคาน้ำมันแพงมาก แล้วค่อย ๆ ลดต่ำลงมา จนถึงปี2016 ราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นมาเรื่อย ๆ
2.3 จะเห็นว่าพฤติกรรมการใช้รถของผม ในการเดินทางในแต่ละปีมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ไม่ได้แตกต่างกันอย่างชัดเจน
advertisement
3.บทสรุปค่าใช้จ่ายที่จะต้องรับมือ
เอาหล่ะ เรามาถึงคำถามที่ว่า?? เราจะต้องเตรียมพร้อมต่อค่าใช้จ่ายยังไง พูดง่ายๆ ผมก็ทำเป็นค่าเฉลี่ยต่อปีมาให้ดูชัด ๆ เลยละกัน
ถ้าเราเอาค่าใช้จ่ายรวมทั้ง 4 ปี มาเฉลี่ยรายปีก็จะได้ประมาณ 71,300 บาท ห๊ะ!!! จริงดิ……จริงครับ นี่คือค่าใช้จ่ายที่ผมคิดว่าคนที่ทำงานในกรุงเทพฯจะต้องจ่าย อาจจะตีไว้ต่ำๆเลยก็ว่าได้ โดยแยกเป็นแต่ละรายการตามรูปเลยนะครับ
– -[ads3]
advertisement
– เอาให้แคบลงมาอีก ก็จะคิดเป็นต่อเดือนก็จะตกอยู่ที่ประมาณ 6,000 บาท ประมานนั้นแหละฮะ
– ทีนี้ ถ้าย้อนกลับไปตอนที่ผมออกรถปี 2013 เงินเดือนอยู่ที่ 23,000 บาท หรือคิดเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับรถยนต์กลมๆประมาณ 30%ของรายได้ ซึ่งถือว่ายังพอมีเงินเหลือให้ไปทำอย่างอื่นได้ ไม่อึดอัดจนเกินไป
– ส่วนใครที่กำลังครุ่นคิดจะออกรถยนต์ใหม่ ก็ลองนำค่าตัวเลข 6,000 บาท/เดือน ไปประเมินดูก็ได้นะครับว่า เราจะสามารถจัดการกับส่วนตรงนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนไหนที่สามารถตัดออกไปได้ (เช่น ค่าแต่งรถ) ส่วนไหนที่มันต้องเพิ่มเติม (เช่น ค่าน้ำมันไปทำงาน)
ถ้ามีตรงไหนสงสัย ก็สอบถามมาได้นะครับ เพราะตัวเลขนี้คือของจริง บันทึกเองทุกบาททุกสตางค์
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน คงจะได้ไอเดียในการจัดการกับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับรถยนต์ นำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวเองนะครับ
เรียบเรียงโดย : Kaijeaw.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก