ลูกติดอ่าง..แก้ไขอย่างไร?
advertisement
อาการพูดติดอ่างในเด็กเล็กมักพบได้บ่อยๆ โดยเฉพาะเด็กวัย 2-4 ขวบ ด้วยมีพัฒนาการด้านภาษาเร็ว อยู่ในช่วงที่เด็กกำลังหัดพูด อยากคุย จึงอาจพูดผิดบ้างถูกบ้าง พูดติดๆ ขัดๆ หรือพูดไม่ชัดได้ อาการติดอ่างเช่นนี้นั้นอาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เพราะเมื่อเวลาผ่านไป อาการติดอ่างเช่นนี้อาจหายไปได้เอง แต่บางคนก็เป็นต่อเนื่องจนโต เป็นปัญหาที่พ่อแม่หลายๆ คนกลุ้มใจมากเหลือเกิน กลัวว่าจะทำให้ติดเป็นเป็นนิสัยจนโตก็ไม่หาย วันนี้ Kaijeaw.com จึงมีวิธีแก้ไขการพูดติดอ่างของลูก มาฝากกันค่ะ
สาเหตุของการพูดติดอ่าง
ยังไม่มีการระบุสาเหตุที่แท้จริงได้แน่ชัด อาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติทางร่างกายหรือจิตใจ หรือเกิดจากการเรียนรู้ที่ผิด เช่น
– จากกรรมพันธุ์ พ่อ แม่หรือคนในครอบครัวเคยพูดติดอ่างมาก่อน ก็อาจทำให้ลูกพูดติดอ่างได้เช่นกัน
– เมื่อเด็กยังเล็ก ยังพูดไม่คล่อง เด็กอาจพูดซ้ำๆ เพราะอวัยวะที่ใช้ในการพูดยังทำงานไม่คล่อง
– เด็กนึกคำพูดไม่ออก เพราะยังรู้คำศัพท์ไม่มากนัก
– คิดเร็วกว่าพูด เด็กวัยนี้เป็นวัยที่กำลังหัดพูด เพราะฉะนั้นเด็กจะคิดไปไวกว่าที่ปากจะทำงาน เลยทำให้คำพูดสักคำหลุดออกมาช้ากว่าที่ใจคิด
[ads]
– เด็กอาจถูกผู้ใหญ่เร่งรัดให้พูดเร็วเกินไป หรือสอนให้พูดคำต่างๆ มากเกินไป
– เด็กมีความเครียดหรือวิตกกังวล ต้องการเรียกร้องความสนใจ เช่น เมื่อมีน้องใหม่ ย้ายบ้าน เปลี่ยนโรงเรียน หรือมีอาการเจ็บป่วย ตลอดจนเมื่อเกิดอารมณ์ เช่น โกรธ ไม่พอใจ
– โดนแย่งพูด พี่ น้อง หรือคนในบ้านพูดแทนหมด พอเขาจะขยับปากพูดสักคำก็โดนแย่งพูดไปหมดแล้ว ทำให้ไม่ค่อยมีโอกาสได้พูด หรือรีบพยายามจะพูดให้ทันคนอื่น เลยทำให้ติดอ่าง
– เมื่อเด็กพูดไม่คล่อง ผู้ใหญ่อาจแสดงท่าทีสนใจคำพูดของเด็กมากเกินไป หัวเราะ ดุหรือตำหนิว่าพูดติดอ่าง
– ถูกเลี้ยงแบบบังคับ เข้มงวด อาจสร้างความเครียดให้กับเด็ก ทำให้ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่กล้าที่จะพูด หรือมีความกลัวเวลาพูด
– ผู้ใหญ่พยายามให้เด็กพูดซ้ำ เพื่อให้พูดได้อย่างคล่องแคล่วไม่ติดขัด จะยิ่งทำให้เด็กอาย เกิดความไม่มั่นใจหรือวิตกกังวลเรื่องการพูด และพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูด ยิ่งเป็นการกระตุ้นส่งเสริมให้เด็กติดอ่างมากขึ้น
– เลียนแบบเพื่อน เดิมก็ไม่ติดอ่าง แต่พอไปโรงเรียนเจอเพื่อนพูดติดอ่าง เข้าทางเด็กวัยนี้ที่กำลังเลียนแบบพอดี เลยเอาบ้าง
advertisement
วิธีแก้ไขการพูดติดอ่าง
คุณพ่อคุณแม่ รวมถึงผู้ที่อยู่ใกล้ชิดควรสังเกตและติดตามดู เมื่อเด็กมีอาการติดอ่าง ไม่ควรตำหนิหรือทักต่อหน้าผู้อื่น เพราะจะทำให้เด็กไม่สบายใจและเกิดความกังวลได้ แก้ไขได้โดย
1. เข้าใจลูก เป็นเรื่องธรรมชาติที่อาการพูดติดอ่าง เป็นพัฒนาการอย่างหนึ่งของเด็กวัยนี้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ลูกกำลังหัดพูด การพัฒนาทางภาษาจึงเริ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ดีเหมือนการสื่อสารระหว่างผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นอย่าแสดงท่าทีรำคาญ หรือพยายามเร่งรัดให้ลูกพูดไม่ติดอ่างเร็วๆ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เด็กไม่กล้าพูดหรืออาจจะกลายเป็นพูดติดอ่างไปเลย
2. พ่อแม่เป็นต้นแบบที่ดี พูดให้ชัดเจน ช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ บางคนเมื่อลูกติดอ่างก็ติดอ่างตามด้วยความเอ็นดู เช่นนี้ลูกจะคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีแล้วก็เลียนแบบผู้ใหญ่อีกทีหนึ่ง
3. ไม่วางเฉย หัวเราะชอบใจและดุว่า เพราะถ้าเราขำ ลูกจะคิดว่าดี พ่อแม่ชอบเลยทำอีก หรือถ้าพ่อแม่ดุ คราวนี้จะไม่กล้าพูดไปเลย ขาดความมั่นใจ
4. อย่าวิตกกังวลกับอาการติดอ่างของเด็กมากเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้เป็นปัญหาต่อเด็กโดยตรง
[ads]
5. เป็นผู้ฟังที่ดี ควรให้ความสนใจและตั้งใจฟังเด็กที่กำลังพยายามพูดมากกว่าจ้องจับผิดว่าเด็กกำลังพูดอะไร และไม่ควรแสดงท่าทีผิดปกติขณะที่เด็กพูดไม่คล่อง
6. รับฟังด้วยท่าทีที่อ่อนโยน สงบ และเข้าใจ ไม่ว่าเด็กจะพูดติดอ่างหรือไม่ ท่าทีที่ผ่อนคลายของผู้ใหญ่ จะทำให้เด็กมีความมั่นใจ สบายใจ และหายติดอ่างได้
7. ไม่ควรเร่งรัดให้เด็กพูด ควรให้เวลาเด็กได้คิด รวบรวมคำพูด โดยไม่แสดงท่าทีที่รำคาญ
8. สังเกตคำที่ลูกพูดติดอ่างบ่อยๆ เพราะอาจจะเป็นไปได้ว่าลูกมีปัญหากับการออกเสียงคำนั้นๆ แล้วจึงช่วยลูกด้วยการพูดคำนั้นชัดๆ ทวนกับลูก
advertisement
9. ไม่เปรียบเทียบความสามารถด้านการพูดกับเด็กที่โตกว่า เพราะเด็กส่วนใหญ่มักพูดไม่คล่องในช่วงอายุประมาณ 2-4 ปีเช่นกันค่ะ ลักษณะการพูดไม่คล่องของเด็ก จะค่อยๆ ลดลงไปเองเมื่อเด็กโตขึ้น
10. หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้ลูกอึดอัด เช่น การให้พูดต่อหน้าคนเยอะ หรืออยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย คุยกับคนที่ไม่คุ้นเคย เพราะจะทำให้ให้เขารู้สึกเครียด กังวล และเขาจะพูดติดอ่างมากยิ่งขึ้นค่ะ
แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะเป็นกังวลใจในอาการติดอ่างของลูกน้อย ซึ่งอาการนี้จะหายไปเมื่อเด็กโตขึ้น มีพัฒนาการทางด้านภาษาที่ดีขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งส่วนหนึ่งพ่อแม่ก็ต้องเป็นผู้ที่คอยสอน และดูแลลูกอย่างใกล้ชิด แต่ถ้าอาการพูดติดอ่างยังไม่หายหรือมีอาการมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ต่อไปค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : Kaijeaw.com