เพรชแท้ vs เพรชปลอม..ดูยังไง?
advertisement
เพชร อัญมณีอันงดงามและมีมูลค่าสูงมากๆ ในท้องตลาด เป็นที่นิยมของสาวๆ นำมาใส่ประดับกัน ได้ทั้งแหวน สร้อย กำไล เข็มกลัด เครื่องประดับผม หรือเครื่องประดับอื่นๆ แต่เพชรนั้นถือว่ามีราคาสูงมากๆ การเลือกซื้อเพชรจึงสำคัญ ผู้ซื้อควรมีความรู้เบื้องต้นในการแยกแยะเพชรแท้ ออกจากเพชรเทียมหรือเพชรสังเคราะห์ เพื่อป้องกันตนเองจากการถูกหลอกลวงค่ะ จะมีวิธีการอย่างไรบ้าง วันนี้ Kaijeaw.com มีเคล็ดลับมาบอกกันค่ะ
1. สังเกตที่ความหนาแน่นน้ำหนักของเพชร จะมีลักษณะเฉพาะเจาะจง ( specific gravity) คือ ไม่มีสสารใดจะมีน้ำหนักเท่านี้ ซึ่ง specific gravity ของเพชรจะอยู่ที่ 3.52 ข้อมูลนี้จะนำมาใช้ประโยชน์ได้เช่น เพชร 1 กระรัต จะมีน้ำหนักที่ 0.22 กรัม ซึ่งเบามาก แต่หากเป็นของที่ใช้เลียนแบบเพชร ส่วนใหญ่จะหนักกว่าเป็นเท่าตัว แต่ถ้าเป็นของจำพวกพลาสติกก็จะเบามาก เมื่อจับดูก็แทบจะไม่รู้สึกเลยว่ามีอะไรอยู่ในมือ ซึ่งเรื่องน้ำหนักนี้แม้จะบอกไม่ได้ 100% แต่ก็เป็นตัวบ่งบอกว่าเราต้องระวัง และตั้งข้อสังเกตได้
advertisement
2. ดูความแข็ง สามารถตรวจสอบเพชรด้วย Loupe (กล้อง 10X หรือกล้องส่องพระนั่นเอง) สังเกตดูเหลี่ยมเจียระไน เพชรแท้มักมีเหลี่ยมเจียระไนที่เฉียบคม และไม่มีรอยสึก เพราะเพชรมีความแข็งสูงสุดตามสเกลของโมห์ มีอะตอมที่อยู่ใกล้กันมาก ซึ่งผลจากการที่อะตอมอยู่ใกล้กัน เวลาช่างนำมาเจียระไน ขอบที่ได้ก็จะมีความคมเฉียบ เทียบง่ายๆ ได้กับพลาสติก ซึ่งเป็นโพลีเมอร์ ( Polymer) จะมีอะตอมจะอยู่ห่างกัน ต่อให้ช่างเจียระไนเก่งแค่ไหน ก็ไม่มีทางได้ขอบที่คม เพราะขอบพลาสติกจะยืดหยุ่น นอกจากนี้การเจียระไนเพชรนั้นจะปรากฎขอบบริเวณรอยเจียระไนของเพชร หรือเกิลเดิล (girdle) ลักษณะเป็นเส้นๆ ที่ศัพท์เทคนิคเรียกว่า “หนวดเพชร” [ads]
3. เหลี่ยมเพชรไม่พบเส้นซ้อน หรือขอบเหลี่ยมเพชรนั้น เมื่อใช้กล่องส่องแล้ว จะเห็นได้ว่าทุกด้านเป็นเหลี่ยมเป็นมุม ไม่พบเส้นซ้อน ดังนั้นหากเราส่องเข้าไปใกล้ๆ ที่มุมใดมุมหนึ่ง แล้วเห็นเป็นเป็นลักษณะโค้งๆ แสดงว่าสิ่งนั้นไม่ใช่เพชรแท้
4. สังเกตรอยแตก หากเป็นตำหนิแตกของเพชร จะแตกเป็นรูปเปลือกไม้ คือ ร่นลงมาเรื่อยๆ เป็นขั้นบันได แต่หากเป็นวัสดุอื่น ส่วนใหญ่เมื่อแตกจะเป็นรอยเว้า 5. การดูค่าดัชนีหักเห (วิธีนี้ใช้ทดสองได้เฉพาะเพชรที่มีลักษณะเม็ดกลมที่มีสัดส่วน 1 ต่อ2 ต่อ3) ซึ่งเพชรที่ดูมีสัดส่วนแบบนี้ (เพชรส่วนใหญ่มักทำเป็นลักษณะนี้) หากเป็นเพชรแท้ เมื่อแสงเข้ามายังตัวเพชร แสงทั้งหมดจะหักเหสะท้อนกลับไปที่ตาได้หมด จะไม่มีแสงทะลุลงไปถึงด้านล่างเลย สามารถทดสอบได้โดย คว่ำหน้าเพชรลง แล้วลากผ่านกระดาษที่มีตัวหนังสือ มองลงไปตรงๆ หากเห็นตัวหนังสือ ก็ระบุได้เลยว่า สิ่งนั้นไม่ใช่เพชรแท้ แต่หากมองไม่เห็นตัวหนังสือ ก็อย่าเพิ่งสรุป ต้องเอาไปทดสอบแบบอื่นต่อ เมื่อความแม่นยำค่ะ
6. การกระเจิงแสง เพชรจะกระเจิงแสงออกเป็น 7 สี สะท้อนกลับมาที่ตาของเรา ซึ่งการกระเจิงแสงของเพชรจะ เรียกว่า “elegant” คือ สวยสง่างามพอดิบพอดี โดยแสงทั้ง 7 สี จะไม่สดจนเกินไป อย่างเพชรรัสเซีย จะสีสดมาก แสงจะจัดมาก หรือพลอยเพทาย (พลอยที่มีลักษณะคล้ายเพชร) จะมีแสง 7 สีเหมือนกัน แต่จะอ่อนกว่าเพชร
7. ทดสอบการสะท้อนแสงและความวาว เพชรแท้มีค่าการกระจายแสงที่สูง และมักสะท้อนแสงสีเทา ปนสีรุ้งเล็กน้อย ถ้าสะท้อนแสงสีรุ้งชัดเจน สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นเพชรปลอม เรายังสามารถสังเกต ความวาว (luster) ของเพชรได้ด้วย โดยเพชรแท้มีความวาวแบบโลหะ (Adamantine) หากเพชรเม็ดนั้นๆ ดูด้านไม่แวววาวเท่าที่ควรอาจจะเป็นเพชรปลอมได้
8. ความสม่ำเสมอของตำหนิเพชร วิธีนี้ใช้แยกได้ดีที่สุดระหว่าง เพชรแท้ และเพชรเทียม อย่าง Synthetic Moissanite (พลอยชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนเพชรมาก เดิมเกิดเองตามธรรมชาติแต่ภายหลังมีการนำมาผลิตด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์) โดยวิธีสังเกตคือ หากเป็นเพชรจำพวกSynthetic mouse a nite เมื่อส่องดูตำหนิภายในเพชร จะมีความสม่ำเสมอ ต่างจากเพชรแท้ที่เกิดตามธรรมชาติที่ตำหนิจะไม่เท่ากัน ดังนั้นหากเห็นตำหนิที่เป็นแบบแผนมากเกินไป ก็ต้องตั้งข้อสังเกตว่าอาจไม่ใช่เพชร หรือเป็นสิ่งที่สร้างในห้องแลป (Lab) หรือเปล่า
9. ทดสอบความถ่วงจำเพาะ กาทดสอบด้วยความถ่วงจำเพาะ เป็นอีกวิธีดูเพชรแท้กับปลอมอีกวิธีหนึ่ง วิธีนี้ทดสอบได้ง่าย คือการนำเพชรไปใส่ในน้ำ จะดูจากเพชรที่ไม่ลอยน้ำ หรือเมื่อวางลงจะจมน้ำทันที นั่นก็คือเพชรแท้ เพราะเพชรแท้มีความถ่วงจำเพราะที่สูงมาก ส่วนเพชรปลอมนั้นจะไม่จมน้ำนั่นเอง เพราะทำจากพลาสติก หรือสารสังเคราะห์อื่นๆ ซึ่งมีความหนาแน่นน้อย
advertisement
10. ทดสอบการทำปฏิกิริยากับกรดและด่าง การทดสอบเพชรด้วยการทำปฏิกิริยากับกรดและด่าง เป็นวิธีดูเพชรแท้กับปลอมอีกวิธีหนึ่งที่นิยมกัน เพราะโดยปกติแล้ว เพชรแท้จะไม่ทำปฏิกิริยากับกรดและด่าง แต่เพชรปลอมนั้น เมื่อถูกสารละลายกรดและด่าง จะทำปฏิกิริยาละลายได้อย่างง่ายดาย และมีแค่สารละลายโพแทสเซียมไนเตรดเท่านั้นที่สามารถละลายเพชรแท้ธรรมชาติได้ [ads]
11. ควรซื้อเพชรที่มีใบเซอร์เท่านั้น (Certificate) หรือ Diamond Report จากสถาบันอัญมณีที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ เช่น GIA, HRD, IGI, AGS, EGL หรือของเมืองไทยเช่น AIGS, GIT ในใบเซอร์จะมีการระบุประเภทของอัญมณี ถ้าเป็นเพชรแท้ (เพชรธรรมชาติ) จะระบุว่า "Natural Diamond"
วิธีการดูเพชรที่ผู้เชี่ยวชาญไม่สนับสนุน
1) ไม่ควรทดสอบโดยเอาเพชรมาถูกัน เพราะเพชรมีมูลค่ามาก หากขูดกันแล้วปรากฎว่าเป็นเพชรแท้ เพชรนั้นก็จะเสียหาย
2) การเอาปากเป่า หรือวิธีที่ใช้เอาแหวนมาอังที่ปาก โดยเชื่อว่าถ้าเป็นเพชรแท้จะไม่นำความร้อน เมื่อเป่าไปแล้วจะไม่เป็นไอ (ไอน้ำไม่เกาะ) แต่ถ้าเป็นธาตุอื่นจะรับไอร้อนมาสักระยะหนึ่ง ทำให้เกิดเป็นไอน้ำบริเวณผิว ขอบอกว่ากรณีนี้ใช้ไม่ได้แม่นยำเสมอไป เพราะขึ้นอยู่กับความเร็วของคน เช่น บางคนเป่าแล้วดึงมือขึ้นมาเร็วมาก แต่อีกคนดึงมือขึ้นมาช้า แล้ว (หากมีอายุมาก) กว่าจะเพ่งตาไปมองอีก ไอน้ำที่มีก็หายไปแล้ว
3) การทดสอบโดยอาศัยหลักแสงยูวี (UV-Ultraviolet) วิธีการนี้ใช้หลักคิดที่ว่าบางครั้งในเพชรจะมีธาตุโบรอน ( Boron) ปะปนมาด้วย เมื่อไปอยู่ใต้แสงยูวี โบรอนจะเรืองแสงสีฟ้า แต่กรณีนี้หากเพชรเม็ดนั้นไม่มีโบรอนปนอยู่ มีแต่คาร์บอน (Carbon) ล้วน (ซึ่งมีโอกาสที่จะเป็นไปได้) เพชรเม็ดนั้นก็จะไม่เรืองแสงสีฟ้า แต่มันก็คือเพชรเหมือนกัน
advertisement
ได้รู้วิธีดูเพชรแท้กับปลอมกันแล้ว อย่าลืมนำไปใช้กันบ่อยๆ ด้วยนะคะ คราวหน้าเมื่อต้องซื้อเพชรอีกก็อย่าลืมสังเกต และตรวจสอบเพชรแท้กับเพชรปลอมอย่างละเอียดกันด้วย จะได้ไม่โดนหลอกเสียทั้งเงินและเวลากันอีกด้วย และทางที่ดีอย่าลืมเลือกซื้อเพชรจากร้านที่เชื่อถือได้ และมีใบเซอร์ การันตีคุณภาพเพชรทุกครั้งนะคะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com