ย้อนรอย!! “เมืองบาดาล” มีอยู่จริง จมอยู่ใต้น้ำหลายสิบปี กับความลึกลับอันน่าสะพรึง

advertisement
หลายๆคนคงเคยคุ้นหูกันมาบ้าง เกี่ยวกับเรื่อง เมืองบาดาล ที่มักได้ยินได้ทราบจากคนเฒ่าคนแก่ แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นว่าหน้าตาของเมืองบาดาลเป็นอย่างไร รู้แค่ว่าอยู่ใต้น้ำลึกลงไปตามคำบอกเล่า และมีเรื่องความลี้ลับแอบแฝงอยู่ด้วย เมืองบาดาลจึงถูกนำมาสร้างเป็นส่วนหนึ่งของฉากในหนัง ละครต่างๆ ตามจินตนาการของคนแต่ง แต่แท้จริงแล้ว เมืองบาดาลมีอยู่จริงในประเทศไทย วันนี้ไข่เจียวจะพาไปเปิดประวัติ เมืองบาดาลของจริง ว่าที่แท้คืออะไรกันแน่
[ads]
advertisement

เมืองบาดาลของประเทศไทย อยู่ที่สังขละบุรี เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2499 "หลวงพ่ออุตตมะ" พร้อมทั้งชาวบ้านชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ ได้ร่วมกันสร้างศาลาวัดขึ้น มีฐานะเป็นสำนักสงฆ์ ชาวบ้านละแวกนั้นเรียกสถานที่นี้ว่า วัดหลวงพ่ออุตตมะ ตั้งอยู่บนเนินสูงในบริเวณที่เรียกว่า สามประสบ เพราะมีแม่น้ำ 3 สายไหลมาบรรจบกัน คือแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ แม่น้ำรันตี ต่อมาในปี พ.ศ.2505 ได้รับอนุญาตจากกรมการศาสนาให้ใช้ชื่อว่า วัดวังก์วิเวการาม โดยตั้งชื่อตามชื่ออำเภอวังกะ ภายในวัดมีการก่อสร้างเจดีย์จำลองตามแบบ เจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย เริ่มสร้างในปี พ.ศ.2518 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.2529 เป็นสถาปัตยกรรมสำคัญของวัดแห่งนี้
advertisement

ต่อมาในปี พ.ศ.2527 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้เข้ามาก่อสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำ คือ เขื่อนเขาแหลม หรือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ เมื่อเปิดใช้งาน น้ำในเขื่อนเขาแหลมได้เข้าท่วมตัวอำเภอเก่ารวมทั้งหมู่บ้านชาวมอญ ทางวัดจึงย้ายมาอยู่บนเนินเขาในที่ปัจจุบัน โดยทางราชการได้ช่วยเหลือในการอพยพผู้คนซึ่งมีอยู่ราว 1,000 หลังคาเรือน บนพื้นที่ 1,000 ไร่เศษ ส่วนบริเวณวัดหลวงพ่ออุตตมะเดิม ปัจจุบันจมอยู่ใต้น้ำ และมีชื่อเสียงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen Thailand เป็นที่รู้จักในชื่อว่า วัดใต้น้ำ สังขละบุรี และนี่จึงเป็นเมืองบาดาลที่จมอยู่ใต้น้ำตามที่หลายๆคนรู้จัก [ads]
advertisement

แท้จริงไม่ได้มีสิ่งลี้ลับอะไรมากมาย เพียงแค่เมืองเก่าที่ถูกน้ำท่วม แต่ด้วยสถาปัตยกรรมแบบเก่าแก่ ทำให้เมืองบาดาลแห่งนี้ดูขลัง และดูลี้ลับนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก : th.wikipedia.org เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com