เลือกสบู่อย่างไร..ให้เหมาะสมกับผิว?
advertisement
โดยปกติแล้ว คนเราต้องอาบน้ำกันวันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น แต่ถ้าช่วงไหนอากาศบ้านเราที่ร้อนอบอ้าวเอามากๆ บางคนอาจอาบน้ำมากกว่า 2 ครั้งก็เป็นได้ สิ่งจำเป็นมากๆ ของการอาบน้ำนั้น คงจะหนีไม่พ้นสบู่นะคะ จุดประสงค์หลักในการใช้สบู่นั้นก็เพื่อทำความสะอาดผิวให้หมดจด จากเหงื่อไคล สิ่งสกปรกต่างๆ แต่การจะการจะเลือกสบู่สักก้อนใช้นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะคะ เพราะควรเลือกให้เหมาะกับผิวของเราด้วย ยิ่งปัจจุบันมีสบู่มากมายหลายยี่ห้อ มีสรรพคุณที่ดีต่อผิวที่แตกต่างกันไป ทำให้หลายๆ คนลังเลและสงสัยในการเลือกใช้สบู่ วันนี้ Kaijeaw.com จึงมีคำตอบ เลือกสบู่อย่างไร..ให้เหมาะสมกับผิว? มาฝากกันค่ะ
[ads]
สบู่ที่ดีต่อผิว
สิ่งแรกควรดู คือค่าความเป็นกรดด่างของสบู่ หรือที่เรียกว่า ค่า pH โดยถ้ามีค่า 0 – 14 แสดงว่ามีความเป็นกรด แต่ถ้าตัวเลขค่า pH มากกว่านี้จะมีความเป็นด่าง โดยค่า pH ของผิวคนเราจะอยู่ 4.5 – 5.5
advertisement
คุณสมบัติของสบู่แต่ละชนิด
1) สบู่กลีเซอรีน คือสบู่ที่ทำมาจากกลีเซอรีน เป็นสารที่แยกตัวจากขั้นตอนการทำสบู่แบบเย็น มีลักษณะเหนียว ใส และหวาน สามารถดูดความชื้นจากอากาศมาไว้ในตัวได้ดี มีค่า pH ประมาณ 7 มีความชุ่มชื้นสูงและมีความเป็นด่างน้อย
2) สบู่เหลว สบู่เหลวโดยดั้งเดิมแล้วทำมาจากสบู่กลีเซอรีนผสมน้ำให้มีความเหลวมากขึ้น
3) เจลอาบน้ำเป็นส่วนผสมของสารชำระล้างกับสารเคมีอื่นๆ โดยที่เราสามารถกำหนดค่าความเป็นกรดเป็นด่าง และคุณสมบัติตามส่วนผสมที่เราใส่เข้าไป
จากสาเหตุนี้เราจะเห็นได้ว่าที่วางขายตามท้องตลาดจะมีค่า pH 5 ได้ แต่สบู่ก้อนไม่สามารถทำได้ ข้อดีของสบู่ประเภทนี้คือ สามารถเพิ่มสารเคลือบผิวเพื่อเก็บของชุ่มชื้นของผิวไว้ได้ดี
4) สบู่ไขมัน มีลักษณะทึบทำมาจากไขมันผสมกับด่าง มีค่าความเป็นด่างค่อนข้างสูง เวลาเราใช้จะรู้สึกว่าผิวฝืดตึง เพราะด่างสามารถละลายไขมันที่มีค่าเป็นกรดได้ดี สบู่ชนิดนี้จึงมีคุณสมบัติในการทำความสะอาดสูง
โดยสบู่ที่ได้จากกรดไขมันต่างชนิดกัน มีคุณสมบัติแตกต่างกันดังนี้
น้ำมันรำข้าว – ให้วิตามินอีมาก ทำให้สบู่มีความชุ่มชื้น บำรุงผิว ช่วยลดความแห้งของผิว
น้ำมันถั่วเหลือง – เป็นน้ำมันที่เข้าได้ดีกับน้ำมันอื่น ให้ความชุ่มชื้น รักษาผิว แต่เก็บไว้ได้ไม่นาน มีกลิ่นหืนง่าย
น้ำมันมะพร้าว – สบู่ที่ผลิตได้มีเนื้อแข็ง กรอบ แตกง่าย สีขาวข้น มีฟองมากเป็นครีม ให้ฟองที่คงทนพอควร เมื่อใช้แล้วทำให้ผิวแห้ง
น้ำมันปาล์ม – ให้สบู่ที่แข็งเล็กน้อย มีฟองน้อย ฟองคงทนอยู่นาน มีคุณสมบัติในการชะล้างได้ดี แต่ทำให้ผิวแห้ง
น้ำมันงา – เป็นน้ำมันที่ให้วิตามินอี และให้ความชุ่มชื้น รักษาผิว แต่มีกลิ่นเฉพาะตัว
น้ำมันมะกอก – ทำให้ได้สบู่ที่แข็งพอสมควร ใช้ได้นาน มีฟองเป็นครีมนุ่มนวลมาก ให้ความชุ่มชื้น ไม่ทำให้ผิวแห้ง
น้ำมันละหุ่ง – ช่วยทำให้สบู่มีฟองขนาดเล็กจำนวนมาก ทำให้สบู่เป็นเนื้อเดียวกันดี สบู่ไม่แตก ทำให้สบู่มีความนุ่มเนียน และช่วยให้ผิวนุ่ม
น้ำมันเมล็ดทานตะวัน – ทำให้สบู่นุ่มขึ้น แต่ฟองน้อย
ไขมันวัว – จะได้สบู่ที่มีเนื้อแข็งสีขาวอายุการใช้งานนานมีฟองน้อย ทนนาน แต่นุ่มนวล
ไขมันหมู – จะได้สบู่ที่มีเนื้อแข็ง อายุการใช้งานนาน ฟองน้อย แต่ทนนาน
ขี้ผึ้ง – ได้สบู่เนื้อแข็ง อายุการใช้งานนาน ฟองน้อย แต่ทนนาน
ไขมันแพะ – ได้สบู่เนื้อนุ่ม ได้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ผิวนุ่มเนียน
advertisement
การเลือกสบู่ให้เหมาะสมกับแต่ละสภาพผิว
สาวผิวมัน – ควรเลือกใช้สบู่ไขมัน เพราะสามารถชำระล้างไขมันได้ดี ลดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว แต่หากว่าใช้แล้วรู้สึกว่าผิวฝืด ตึงเกินไป ให้ลองเปลี่ยนมาใช้สบู่กลีเซอรีนดู
สาวผิวธรรมดา – ผิวที่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผิวแห้ง หรือการอุดตันของรูขุมขน สามารถใช้สบู่ได้ทุกประเภท
สาวผิวแห้ง – หากผิวแห้งไม่มาก สามารถใช้สบู่กลีนเซอรีน สำหรับผิวแห้งมากๆ ควรใช้เจลอาบน้ำ ที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์สูงๆ ทั้งนี้เพื่อคงความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณ และควรหลีกเลี่ยงสบู่ไขมัน
advertisement
สบู่ที่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง ได้แก่
1. สบู่ยา (medicated soaps) มีตัวยาประกอบอยู่ เช่น กำมะถัน กรดซาลิไซลิก เบนซอยล์เปอร์-ออกไซด์ และยาฆ่าเชื้อโรค ยาพวกนี้อาจใช้ได้ผลในการรักษาโรคผิวหนังบางอย่างจริง เมื่อผสมอยู่ในรูปของครีมและโลชั่น แต่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ยืนยันว่าตัวยาเหล่านี้เมื่อผสมกับเนื้อสบู่แล้วจะได้ผลประการใดต่อผิว ทั้งนี้เพราะเราฟอกสบู่เพียงชั่วครู่แล้วก็ล้างออก ยาจึงออกฤทธิ์ไม่ทัน สบู่ประเภทนี้ทำให้ผิวอักเสบระคายเคืองได้บ่อย
2. สบู่ดับกลิ่นตัว (deodorant soaps) สบู่ดับกลิ่นตัวก็คือ สบู่ธรรมดาที่เพิ่มยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียลงไป เพื่อยับยั้งไม่ให้แบคทีเรียที่เป็นตัวการทำให้เกิดกลิ่นบนผิวหนังทำงานได้ สบู่พวกนี้มักมีกลิ่นไม่หอม จึงนิยมผสมน้ำหอมลงไปเพื่อดับกลิ่นยา สบู่ดับกลิ่นตัวนั้นทำให้ผิวแห้ง เหมาะสำหรัยคนที่มีกลิ่นตัว โดยเฉพาะใช้บริเวณรักแร้
3. สบู่ขัดถู (abrasive soaps) ประกอบด้วยเศษชิ้นส่วนเล็กๆ ปะปนอยู่ มีประโยชน์ในการถูเอาชั้นขี้ไคล ซึ่งเป็นผิวหนังส่วนนอกสุดที่ไร้ชีวิตแล้วออกไป โดยทั่วไปแล้วคนที่ผิวปกติไม่สมควรใช้สบู่พวกนี้ เหมาะสำหรับใช้บางโอกาศ (นานๆ ครั้ง) คนที่มีผิวมันมากจริงๆ แต่ผู้ที่มีผิวแห้งควรหลีกเลี่ยงเพราะจะทำให้แห้งและระคายเคืองได้ รวมไปถึงผิวหน้ามีสิวหรือมีการอักเสบอยู่แล้ว เพราะจะทำให้ทั้งสิวและ ใบหน้าอักเสบระคายเคืองยิ่งขึ้น
advertisement
4. สบู่ที่มีส่วนผสมของผลไม้ ผัก และสมุนไพร (fruit, vegetable and herbal soaps) คือสบู่หรือ ดีเทอร์เจนที่มีการใส่ส่วนผสมต่างๆ" ตามธรรมชาติ " ลงไปในความเป็นจริงแล้วส่วนประกอบของสบู่พวกนี้ไม่แตกต่างไปจากสบู่ทั่วไปเลย ส่วนผสมของผลไม้ ผัก และสมุนไพร ที่แต่งเติมลงไปอาจช่วยให้สบู่มีกลิ่นมีสีน่าใช้มากขึ้น แต่สารเหล่านี้โดยแท้จริงแล้วไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อผิว
[ads]
วิตามินหรือสารสกัดซึ่งผสมในสบู่จะช่วยถนอมและบำรุงผิวได้จริงหรือไม่?
ในการใช้สารบำรุงผิวจะต้องทาทิ้งไว้ อยู่นานพอให้สารซึมผ่านเข้าไปในผิวหนัง แต่ถ้าใช้เพียงชั่วครู่ และต้องล้างออกจึงไม่มีประโยชน์ ถ้าต้องการให้สารสกัดหรือวิตามินซึมผ่านเข้าไปในผิว ควรทาสารสกัดหรือวิตามินหลังการอาบน้ำ แต่ก็ยังไม่มีข้อยืนยันว่าสารสกัดหรือวิตามินจะช่วยบำรุงผิวได้จริง
ในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่า สบู่ที่มีวางขายในท้องตลาดนั้นมีมากมาย หลากหลายขนิด หลายยี่ห้อ ที่ต่างโฆษณาชวนเชื่อว่าสินค้าของตนนั้นดีอย่างไร เมื่อเรามีความรู้ในการเลือกใช้สบู่เช่นนี้แล้ว ก็เป็นประโยชน์ต่อเรานะคะ จะได้ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ค้าค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : Kaijeaw.com