ใช้ตู้เย็นอย่างไร? ให้ประหยัดไฟฟ้า

advertisement
เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง “ตู้เย็น” เป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่จำเป็นตั้งประจำในห้องครัว และไม่ใช่แค่นั้น หากแต่ในบางบ้านก็มี 1 หรือ 2 ตู้ หรือบางบ้านก็มีเกือบทุกห้องในบ้าน คิดๆ ค่าใช้จ่ายไฟฟ้าก็คงหลายตังค์อยู่เหมือนกัน ดังนั้นคงดีไม่น้อยถ้าหากว่าเราจะมีวิธีการใช้ตู้เย็นอย่างไรให้ประหยัดค่าไฟฟ้า ใช่มั้ยค่ะ วันนี้ Kaijeaw.com ขอเสนอเคล็ดลับในการดูแลรักษา และใช้งานตู้เย็นอย่างประหยัดเงินค่าไฟฟ้า คุณแม่บ้านห้ามพลาดน๊า
advertisement

เริ่มจากการเลือกซื้อตู้เย็นกันก่อนนะค่ะ
– เลือกซื้อตู้เย็นที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ใหม่ 2001 ซึ่งประหยัดได้มากกว่าเบอร์ 5 เดิม ประมาณร้อยละ 20
– ควรเลือกตู้เย็นที่มีขนาดพอเหมาะสำหรับครอบครัว เช่น ถ้ามีจำนวน 4-5 คน ก็ควรจะใช้ตู้เย็นขนาด 4-5 คิวบิคฟุต (ประมาณคนละ 1 คิวบิคฟุต) ถ้าครอบครัวใหญ่ก็เพิ่มได้ตามส่วนแต่ไม่ควรเกิน 10 คิวบิคฟุต
– ตรวจดูความมิดชิดของฝาตู้เย็น อย่าให้มีรูรั่วของอากาศ
– หลีกเลี่ยงการใช้ตู้เย็นชนิดที่ไม่มีน้ำแข็งจับ เพราะขบวนการละลายน้ำแข็งของตู้เย็นชนิดดังกล่าว จะสิ้นเปลือง พลังงานไฟฟ้าโดยไม่จำเป็น
– เลือกซื้อตู้เย็นประตูเดียว เนื่องจากตู้เย็น 2 ประตู จะกินไฟมากกว่าตู้เย็นประตูเดียวที่มีขนาดเท่ากัน เพราะต้องใช้ท่อน้ำยาทำความเย็นที่ยาวกว่า และใช้คอมเพรสเซอร์ขนาดใหญ่กว่า
– ตู้เย็นชนิดกดปุ่มละลายน้ำแข็ง กินไฟน้อยกว่าชนิดละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ (No Frost)
– ตรวจสอบยางขอบประตูตู้เย็น ควรปิดได้แน่นและสนิท
[ads]
advertisement

การจัดสถานที่สำหรับวางตู้เย็น
ควรวางตู้เย็นในที่ๆ เหมาะสม เพราะการวางตู้เย็นในที่ที่ไม่ถูกต้อง ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สิ้นเปลืองค่าไฟฟ้า และตู้เย็นมีอายุการใช้งานสั้นลง
– จัดวางในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
– ให้แผงระบายความร้อนด้านหลังอยู่ห่างจากผนังประมาณ 6 นิ้ว เป็นอย่างน้อย
– ควรตั้งตู้เย็นห่างจากผนังทั้งด้านหลัง และด้านข้างอย่างน้อย 15 เซนติเมตร เพื่อให้การระบายความร้อนดีขึ้น ประหยัดไฟได้ร้อยละ 39
– อย่าให้หน้าต่าง หรือม่านประตูมาอยู่ใกล้แผงระบายความร้อน เพราะจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนัก
– อย่าตั้งตู้เย็นไว้ใกล้บริเวณต้นกำเนิดความร้อน เช่น เตาแก๊ส เตาหุงข้าว
– ไม่ควรตั้งตู้เย็นในบริเวณที่เปียกชื้น
– ฐานตั้งตู้เย็นต้องแข็งแรงมั่นคง
advertisement

การติดตั้งเต้าเสียบปลั๊ก
ควรอยู่สูงไม่ต่ำกว่าระดับ 1.25 เมตร เต้าเสียบควรต้านกระแสไฟฟ้าได้ไม่ต่ำกว่า 250-300 วัตต์ แต่ถ้าหากเกิดเหตุการณ์สายไฟหลุดจากเต้าเสียบ ในขณะที่ตู้เย็นทำงานอยู่ ให้ปล่อยรอทิ้งไว้ประมาณ 3-4 นาที อย่าเพิ่งนำเสียบกลับเข้าไปทันที เพราะลูกสูบอัดแก๊สฟรีออนในคอมเพรสเซอร์อาจค้างอยู่ จะเกิดอันตรายได้
ข้อควรปฏิบัติในการใช้ตู้เย็นอย่างไรให้ประหยัดไฟ
– ไม่นำอาหารที่ร้อนหรือยังอุ่นแช่ในตู้เย็น
– ลดการเปิดตู้เย็นโดยไม่จำเป็น เพราะค่าไฟฟ้าจะเพิ่มตามจำนวนครั้งของการเปิดตู้เย็น
– อย่าเปิดประตูตู้เย็นค้างไว้เป็นเวลานาน ๆ
– ไม่ควรแช่ของจนแน่นเกินไป เพราะความเย็นจะไหลเวียนไม่สะดวก
advertisement

[yengo]
การดูแลรักษาและใช้งาน
– ควรตั้งสวิตช์ควบคุมอุณหภูมิของตู้เย็นให้เหมาะสม เช่นอุณหภูมิในตู้เย็น 3-6 องศาเซลเซียส และในช่องแช่แข็งระหว่าง ลบ 15-18 องศาเซลเซียส ถ้าตั้งไว้เย็นกว่าที่กำหนด 1 องศาเซลเซียส จะสิ้นเปลืองไฟเพิ่มขึ้นร้อยละ 25
– หมั่นละลายน้ำแข็งอย่าให้น้ำแข็งเกาะในช่องน้ำแข็งมากเกินไป โดยกดปุ่มละลายน้ำแข็งหรือดึงปลั๊กออกจนน้ำแข็งละลายหมด
– ตรวจสอบยางขอบประตูตู้เย็นโดยเสียบกระดาษระหว่างขอบยางแล้วปิดประตู ถ้าสามารถเลื่อนกระดาษขึ้นลงได้แสดงว่าขอบยางเสื่อมควรเปลี่ยนใหม่ เพราะคอมเพรสเซอร์ทำงานหนักสิ้นเปลืองไฟ
ง่ายๆ เพียงเท่านี้ตู้เย็นของเราก็จะได้ใช้งานอย่างปลอดภัย ตู้เย็นทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ อยู่คู่บ้านของเรา ให้เราใช้งานอย่างนี้ไปนานๆ อีกทั้งยังประหยัดทรัพยากรไฟฟ้า และประหยัดเงินในกระเป๋าคุณแม่บ้านทั้งหลายด้วยนะค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com