5 คนไทย หัวใจสู้ไม่เคยถอย แม้เรียนไม่สูง ไม่มีใบปริญา ก็สามารถประความสำเร็จได้

advertisement
ถึงแม้เรียนไม่เก่ง สอบไม่ผ่าน แอดมิชชั่นไม่ติด นี้ไม่ได้หมายความว่าจะล้มเหลวในชีวิต ตราบใดเรายังมีหัวใจที่สู้ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก ไข่เจียวเชื่อว่าสักวันหนึ่งบางทีเราอาจจะพบหนทางสู่ความสำเร็จของเราอย่างแน่นอน อย่างเช่นเดียวกับ 5 คนไทยที่ไม่ยอมแพ้ต่อความอยากลำบากสู้จนประสบความสำเร็จ
1. ตัน ภาสกรนที
advertisement

ตัน ภาสกรนที เป็นนักธุรกิจ ผู้ก่อตั้งบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยต่อมา เขาขายหุ้นใหญ่ของ บมจ.โออิชิกรุ๊ป ที่มีอยู่ให้กับบริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด (มหาชน) และลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บมจ.โออิชิกรุ๊ป แล้วไปก่อตั้งบริษัท ไม่ตัน จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นอิชิตัน กรุ๊ป) ระยะหลังเป็นที่รู้จัก ในสถานะผู้ร่วมกิจกรรมธุรกิจ และเพื่อนสนิทต่างวัยกับอุดม แต้พานิช นักแสดงตลกชื่อดัง
ตัน ภาสกรนที เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2502 เป็นลูกคนสุดท้องจากลูกๆ 6 คน ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนที่มีฐานะปานกลาง โดยบิดาของเขาอพยพมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และตั้งรกรากที่จังหวัดชลบุรี ตันจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 3 และเริ่มทำงานแรกเป็นพนักงานแบกของ ซึ่งมีค่าแรง 700 บาท และหันมาเป็นเจ้าของแผงหนังสือที่ชลบุรี และเริ่มต้นขยายกิจการไปซื้อห้องแถว จนกลายเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ [ads]
2. เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์
advertisement

ธงไชย แมคอินไตย์ ชื่อเล่น เบิร์ด เป็นซูเปอร์สตาร์ชาวไทย มีผลงานหลักเป็นนักร้องสังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ตั้งแต่ปี 2529 จนถึงปัจจุบัน และเป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในรอบ 30 ปี ของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และประสบความสำเร็จสูงสุดของประเทศไทย มียอดจำหน่ายอัลบั้มสูงสุดของประเทศไทยกว่า 25 ล้านชุด และติดระดับแนวหน้าของเอเชียตลอดจนการสร้างปรากฏการด้านจำนวนรอบและรายได้จากการจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ตสูงสุดของประเทศ โดยในช่วง 25 ปีที่ผ่านมามีคอนเสิร์ตใหญ่ ซึ่งมีผู้ซื้อบัตรเข้าชมแล้วประมาณ 2 ล้านคน โดยในปี 2550 ธงไชยได้รับฉายาจากสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทยว่า "ป๋าพันปี"
ธงไชยศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดนิมมานรดี ระหว่างนั้นก็รับเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือครูในกิจกรรมร้องรำทำเพลงต่าง ๆ เสมอ และเป็นคนร่าเริง กล้าแสดงออกต่อมา ศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนปัญญาวรคุณ เป็นเชียร์ลีดเดอร์รุ่นแรกของโรงเรียน เขาสำเร็จการศึกษาระดับ ปวส. สาขาการจัดการ ที่วิทยาลัยพาณิชยการธนบุรี ธงไชยเริ่มทำงานที่ธนาคารกสิกรไทย สาขานานา และต่อมาย้ายมาสาขาท่าพระ ฝ่ายต่างประเทศ ซึ่งเป็นที่สุดท้ายก่อนที่จะก้าวสู่วงการบันเทิง
3. อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์
advertisement

อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ชื่อเล่น ต๊อบ นักธุรกิจชาวไทย ผู้ก่อตั้งบริษัท เถ่าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ซึ่งผลิตสาหร่ายทะเลทอดกรอบ และขนมขบเคี้ยวภายใต้ตราสินค้า "เถ้าแก่น้อย" เมื่อปี พ.ศ. 2546 ขณะมีอายุ 19 ปี โดยมียอดจำหน่ายกว่า 1,500 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2553 จึงเป็นเหตุให้จีทีเอชนำเค้าโครงชีวประวัติของเขา ไปสร้างเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่อง ท็อป ซีเคร็ต วัยรุ่นพันล้าน ในปี พ.ศ. 2554
ส่วนเรื่องการเรียนของ ต๊อบ อิทธิพัทธ์ นั้น ตอนนี้เขามีวุฒิการศึกษาสูงสุดเพียงแค่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เท่านั้น ซึ่งตอนนี้เขาก็ได้ลงเรียนอีกครั้งที่ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ซึ่งแม้ว่าเขาจะเชื่อว่า ประสบการณ์ไม่ได้มาจากทฤษฎีในห้องเรียน แต่มันมาจากการลงมือปฏิบัติก็ตาม แต่ที่เขาเรียนนั่นก็เพื่ออยากจะให้พ่อแม่ได้ภูมิใจ และอยากถ่ายรูปรับปริญญาร่วมกับครอบครัวเพียงเท่านั้น
4. ไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ
advertisement

ไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ เจ้ายุทธจักรธุรกิจพัฒนาที่ดิน นาม ช.อมรพันธุ์ ผู้สร้างอาณาจักร สวนสยาม อันลือชื่อของไทยและเอเชีย คุณไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ เป็นนักธุรกิจรุ่นลายครามคนหนึ่งของเมืองไทย ผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวและผ่านกาต่อสู้ในชีวิตมาอย่างโชกโชน ท่านบุกเบิกธุรกิจการพัฒนาที่ดิน นาม ช.อมรพันธ์ กระทั่งประสบความสำเร็จกลายเป็นหนึ่งในเจ้ายุทธจักรพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย
เรียนในระบบจบแค่ ป.4 แต่เรียนต่อในมหาวิทยาลัยแห่งชีวิต เมื่อผมเป็นเด็ก ผมต้องผ่านการต่อสู้ทุกรูปแบบ ต้องลำบากยากเข็ญอย่างสาหัสสากรรจ์ ต้องผ่านการเคี่ยวกรำอย่างหนัก เมื่อเรียนจบชั้น ป.4 ผมอายุประมาณ 12 – 13 ขวบ ผมก็เริ่มทำงานเป็นเด็กรับจ้างที่ทำหน้าที่สารพัดในร้ายขายก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งย่านบางเขน อยู่ไม่นาน ก็ต้องหันเหชีวิตตามคำชักชวนของเพื่อน คือไปเป็นกระเป๋ารถเมล์ ทำได้พักหนึ่ง ผมก็ย้อนกลับมาเป็นผู้ช่วยงานร้านขายของชำของพ่อแม่อีก… ผมช่วยที่บ้านซื้อของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันที่สี่แยกมหานาค ที่เป็นตลาดกลาง ที่มีของขายส่งสารพัดชนิด โดยเริ่มต้นซื้อมาขายไปในช่วงเช้าของทุกวัน คุณพ่อและผมช่วยกันพายเรือไปซื้อของเข้าร้าน ต่อมามีเพื่อนมาชวนไปเป็นกระเป๋ารถเมล์อีก คราวนี้ เป็นกระเป๋ารถโดยสารที่วิ่งระหว่างกรุงเทพฯ – อุดรธานี ชีวิตผมช่วงนี้ต้องระเหเร่ร่อน ต้องคลุกฝุ่นแทบทั้งวันโดยไม่มีเวลาพักผ่อน แต่ด้วยใจสู้จึงไม่ท้อถอยต่อความยากลำบาก แม้ถนนหนทางจะแสนทุรกันดาร ทั้งระยะเวลาในการเดินทางก็ยาวนานและไกลแสนไกล แต่ผมก็อดทนเป็นกระเป๋ารถเมล์อยู่นานพอสมควรทีเดียว[ads]
5. สมชาย เหล่าสายเชื้อ
advertisement

นายสมชาย เหล่าสายเชื้อ จบการศึกษาแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จึงได้ตัดสินใจลาออกจาก โรงเรียนมาทํางาน เนื่องจากเป็นคนที่เรียนหนังสือไม่เก่งความจําไม่ค่อยดี เรียนชั้นละ 2 ปี จนถึงชั้น ป.5 ครูประจําชั้นอดสงสารไม่ได้ต้องแอบเอาข้อสอบมาให้ที่บ้าน เพราะกลัวว่าจะสอบตก หลังจากออกจากโรงเรียนแล้วได้ ไปทํางานตามร้านขายของชําขายหนังสือพิมพ์ หรืองานทุกอย่างท่ีได้เงิน เช่น ขายหัวอาหารสัตว์ ยาปราบ ศัตรูพืช ปุ๋ย ปลาร้า ยาเส้นด้วยเป์นคนสู้งาน ทํางานท่ีไหนก็มีแต่นรัก หลักจากน้ันไปทํางานที่บริษัท เสริมสุข ส่ง “เป็บซี่” ตามร้านต่างๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี ทํางานได้ไม่กี่เดือนได้เป็น “พนักงานขายดีเด่น” ที่ ทํายอดขายสูงสุดในประเทศไทย จํานวน 1,222 ลัง ต่อวัน โดยอาศัยหลักการ “ตื่นเช้ากลับดึก” ออกจาก บ้านตั้งแต่เช้าทําให้มีโอกาสไปไกลกว่าคนอื่น และเพิ่มรอบการทํางานได้มากกว่าคนอื่น และไม่มองว่าร้าน ไหนจะซื้อเท่าไหร่ ขายหมด 10 ลังก็ขาย ครึ่งลังก็ขาย เวลาผ่านไปร้านไหนต้องเข้าไปสวัสดี และพูดว่า “เป็บซี่มาเยี่ยมครับ” ทําอย่างนี้ทุกร้าน และขายได้ทุกร้าน คนอื่นอาจไปเยี่ยม 50-60 รายต่อวัน แต่นาย สมชายฯ เยี่ยมได้ 300-400 รายต่อวัน และยังคงรักษาสถิตินักขายดีเด่นเอาไว้ได้ จํานวน 3 ปี ซื่งตามหลัก ควรจะได้รับการแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งที่สูงขึ้นเป็นผู้จัดการ.
แต่ด้วยเหตุผลว่า ตําแหน่งผู้จัดการต้องมีอายุ 36 ปีขึ้นไป ปรากฏว่า นายสมชายฯ ไม่ได้รับการแต่งตั้ง จึงลาออกจากบริษัท เสริมสุข เพื่อดําเนินตามความฝัน ตั้งแต่ยังเด็ก คือ อยากเป็นเจ้าของบริษัทรถยนต์ เคยไปเกาะกระจกโชว์รูมรถยนต์และคิดว่าทําอย่างไรจะ ไปเป็นเจ้าของ จนเข้ากรุงเทพฯ เห็นแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้าเต็มท้องถนน เลยวิเคราะห์เองว่ารถแท็กซี่ต้องวิ่งวัน ละ 24 ชั่วโมง รถจงึ ต้องทนทาน ถ้าได้เป็นตัวแทนของโตโยต้า คงทํางานไม่ยาก เพราะผลิตภัณฑ์ดี จึงได้ไป สมัครงานที่โตโยต้าอุบลราชธานี ตัวแทนขายรถโตโยต้าเก้าแก่ในจังหวัดอุบลราชธานี แต่ด้วยคุณสมบัตที่ จบ แค่ ป.5 สู้ผู้ที่ จบปริญญาตรี หรือ ปวส. ไม่ได้ จึงได้ยื่นข้อเสนอ จํานวน 3 ข้อ คือ 1.) ทํางานอะไรก็ได้ 2.) เงินเดือนเท่าไรก็ได้ 3.) ทํางานทุกวันไม่มีวันหยุด และด้วยข้อเสนอดังกล่าว โตโยต้าอุบลราชธานี จึงได้รับ นายสมชายฯ เข้าทํางาน เริ่มด้วยงานปัดกวาดรถ และทําทุกอย่างที่นายจ้างใช้ จนวันหนึ่งนายจ้างสั่งให้ไป ส่งรถให้ลูกค้าที่จังหวัดยโสธร ให้เงินไป 30 บาท 2 ชั่วโมงหลังจากนั้น นายสมชายฯ กลับมาพร้อมกับเงินทอน 13 บาท ขับรถไปส่ง และนั่งรถโดยสารกลับมาไม่อู้ และซื่อสัตย์ และเมื่อโชว์รูมท่ีจังหวัดยโสธรมีปัญหา นายจ้างจึงส่ง นายสมชายฯ ไปดูแล ปรากฏว่า 3 เดือนแรกขายไม่ได้เลยแม้แต่คันเดียว แต่ส่ิงหน่ึงท่ีค้นพบคือ คนท่ีมีรถเก่าส่วนใหญ่ อยากซื้อรถคันใหม่ แต่จะซื้อได้ก็ต้องขายรถเก่าให้ได้เสียก่อน นายสมชายฯ จึงใช่กลยุทธหาพ่อค้ารถมือสองมารับซื้อรถ พอขายรถเก่าได้ เขาก็จะมีซื้อรถใหม่กับนายสมชายฯ ยอดขายรถโตโยต้าที่จังหวัดยโสธรพุ่งขึ้นเรื่อยๆ สิ้นปีนายจ้างจัดงานปีใหม่ และบอกพนักงานทุกคนว่าสาขาอุบลราชธานีนั้นอยู่รอดได้เพราะสาขายโสธร.
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ เพื่อนหลายๆคนคงมีกำลังใจสู้ และมีความหวังที่จะมีความสำเร็จอย่าง 5 ท่านที่กล่าวข้างต้นนะครับ