9 วิธีสุดเจ๋ง!! เป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างไร ให้มีรายได้รวม 60,000 ต่อเดือน ก่อนอายุ 30 ห้ามพลาด
![](https://kaijeaw.com/wp-content/uploads/2017/09/มนุษย์เงินเดือน-13-1024x512.jpg)
advertisement
เป็นเรื่องที่มนุษย์เงินเดือน มนุษย์ออฟฟิศห้ามพลาดกันเลยทีเดียว อยากจะมีเงินเดือนเยอะจะต้องทำอย่างไร เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ เป็นกระทู้หนึ่งในพันทิปได้มาเเชร์วิธีการเป็นมนุษย์เงินอย่างไร ให้มีรายได้รวม 60,000 บาทต่อเดือน ก่อนอายุ 30 ให้ได้ เป็นหัวข้อที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก วิธีการจะเป็นอย่างไร ตามไปดูกันเลยครับ
advertisement
![มนุษย์เงินเดือน-1](https://kaijeaw.com/wp-content/uploads/2017/09/มนุษย์เงินเดือน-1-528x768.png)
How To เป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างไร ให้มีรายได้รวม 6x,xxx ต่อเดือน ก่อนอายุ 30
สวัสดีครับ
จขกท. อายุ 26 ปี ทำงานสายทรัพยากรมนุษย์ บังเอิญว่าได้เพิ่งได้โอกาสในการเปลี่ยนงานใหม่ที่ทำให้รายได้รวมต่อปี หารมาแล้วตกเดือนละ 6x,xxx บาท รายได้รวมในที่นี้คำนวนจากแค่เงินเดือนกับโบนัสจากการทำงานในบริษัทเท่านั้นนะครับ ไม่มีรายได้พิเศษจากอาชีพเสริมหรือหุ้น เพราะผมไม่ชอบความเสี่ยงและความผันผวนครับ และต่อไปนี้คือหลักการเป็นมนุษย์เงินเดือนแบบเน้นรายได้เป็นหลัก ถ้ามีเวลาก็เข้ามาอ่าน และคอมเม้นต์พูดคุยแลกเปลี่ยนได้ตามอัธยาศัยเลยครับ
advertisement
![มนุษย์เงินเดือน-2](https://kaijeaw.com/wp-content/uploads/2017/09/มนุษย์เงินเดือน-2.png)
1. เรียนปริญญาโท
คิดจะเป็นมนุษย์เงินเดือนในบริษัทใหญ่ๆ อยากก้าวหน้า อยากโตไว ต้องเรียนปริญญาโทครับ เดี๋ยวนี้วุฒิการศึกษากลายเป็นใบเบิกทางที่สำคัญมากสำหรับชาวออฟฟิศในการเลื่อนตำแหน่งครับ หาสาขาวิชาและมหาวิทยาลัยที่เด่นในงานด้านที่แต่ละคนทำ แล้วกัดฟันลงสมัครเถอะครับ ได้ความรู้ ได้คอนเนคชั่นที่ต่อยอดได้ ได้ใบเบิกทางไปสู่ความก้าวหน้าในสายอาชีพ เรียนแบบไม่ต้องลาออกจากงานประจำนะครับ เรียนควบไปตอนเย็นหรือไม่ก็วันเสาร์อาทิตย์นี่แหละ ทนเหนื่อย 2 ปีเอาหน่อยแต่คุ้มครับ
advertisement
![มนุษย์เงินเดือน-3](https://kaijeaw.com/wp-content/uploads/2017/09/มนุษย์เงินเดือน-3.png)
2. ฝึกทักษะทางภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษต้องแน่น เท่าที่ผมสังเกตจากการทำงานในหลายๆ บริษัทของตัวเอง ทั้งบริษัทไทยและบริษัทข้ามชาติ ใช้การสื่อสารทางอีเมล์เป็นภาษาอังกฤษหมดแล้วครับ แม้ว่าในวงสนทนาจะมีแต่คนไทยทั้งหมดก็เถอะ เพราะฉะนั้นทักษะนี้จำเป็นมากครับ คงเสียดายน่าดูถ้าเราทำงานเก่งกว่าเพื่อนร่วมงาน แต่มันดันได้โปรโมทเฉยเลย เพราะภาษาอังกฤษดีกว่า เพราะฉะนั้นลุยเลยครับ เข้าหลักสูตรเทรนนิ่ง ดูหนัง ฟังเพลง ฝึกตัวเอง แล้วไปสอบโทอิคให้ได้สัก 800 เอาผลมายื่นแนบไปกับการสมัครงานด้วย ช่วยได้เยอะครับ[ads]
advertisement
![มนุษย์เงินเดือน-4](https://kaijeaw.com/wp-content/uploads/2017/09/มนุษย์เงินเดือน-4.png)
3. เลือกบริษัท "มหาชน" หรือบริษัทที่มีชื่อเสียง
ถ้ามีโอกาสในการย้ายงาน หรืออยากจะเปลี่ยนงานใหม่ อยากให้มองไปที่บริษัทดังๆ ทั้งหลายเป็นอันดับแรกครับ มันช่วยเรื่องเครดิตในการทำงานของเราได้มากเลย ยิ่งถ้าเคยผ่านงานจากบริษัทมหาชนข้ามชาติ ที่มีพนักงานรวมเป็นพัน หรือมีชื่อเสียงโดดเด่น มันก็เป็นการการันตีเราได้ระดับหนึ่งแล้วครับ ว่าไอ้นี่มีของ หรือถ้าอยู่บริษัทที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ให้มองไปยังบริษัทคู่แข่ง หรือบริษัทที่อยู่ในอันดับเหนือกว่าเราครับ จะจ่ายค่าตัวเราได้มากกว่าและมีโอกาสได้งานสูงถ้าย้ายไป (แน่นอนว่าในเชิงจรรยาบรรณ ไม่เวิร์กครับ แต่เรากำลังพูดถึงวิธีสร้างรายได้ และบังเอิญว่าวิธีนี้มันเวิร์กมากๆ ครับ)
advertisement
![มนุษย์เงินเดือน-5](https://kaijeaw.com/wp-content/uploads/2017/09/มนุษย์เงินเดือน-5.png)
4. เปลี่ยนงานถ้ามีโอกาส
ถ้ามีความสุขดีอยู่แล้วในที่ทำงานเดิม ให้รีบหาสมัครงานที่ใหม่นะครับ อย่าหาสมัครตอนที่ตัวเองเป็นทุกข์กับงานที่ทำแล้ว เพราะถ้าเราผลงานดี มีความสุข มีโอกาสสูงมากที่จะโดน Counter Offer กลับจากบริษัทเดิม (เผลอๆ จ่ายมากกว่าบริษัทใหม่ที่เราได้งานอีก) ขณะที่คนที่อยากจะเปลี่ยนงานอยู่แล้ว อย่าแสดงความกระเหี้ยนกระหือรือด้วยการสมัครงานแบบหว่านไปทั่วครับ สิ่งที่ควรทำสวยๆ คือสร้างโปรไฟล์ใน Linked In และเว็บฝากงานทั้งหลาย (ตระกูล Job นำหน้านี่แหละ) รวมถึงฝากประวัติไว้กับบริษัท Head Hunter หรือบริษัทจัดหางานทั้งหลาย ให้เค้าเป็นคนสนใจประวัติ แล้วเรียกเราไปสัมภาษณ์เอง ปัญหาการเปลี่ยนงานหลายที่จะหมดไปครับ ถ้าเราบอกได้ว่าเราไม่ได้เป็นคนสมัครงานไปเองเลยสักแห่ง แต่บริษัทเหล่านั้นโทรเรียกตัวเราไปเอง ด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพที่เรามี และเราไม่ปิดโอกาสในการเจริญเติบโต ก้าวหน้าท้าทาย ซึ่งเป็นคำตอบที่ดูดีมากๆ ครับ (ปัจจุบัน งานในบริษัทที่ผมเพิ่งเซ็นสัญญาด้วยล่าสุด เป็นบริษัทที่ 11 ในชีวิตครับ)
advertisement
![มนุษย์เงินเดือน-6](https://kaijeaw.com/wp-content/uploads/2017/09/มนุษย์เงินเดือน-6.png)
5. ย้ายงานก่อนโบนัสออก มีโอกาสได้งานมากกว่า
ดูเป็นคำแนะนำที่ประหลาดนะครับ แต่ถ้าเราอยากได้ค่าตัวสูงๆ ในส่วนของเงินเดือน เราควรหางานหรือสมัครงาน ช่วงที่ตลาดงานไม่คึกคัก คนเปลี่ยนงานน้อย เมื่อคู่แข่งน้อย เราย่อมมีโอกาสถูกเรียกมากขึ้นและขอเงินเดือนได้สูงขึ้น โดยอ้างเหตุผลเรื่องโบนัสของที่เก่าเอาได้ด้วย หรือถ้าย้ายงานหลังจากได้โบนัสไปแล้ว ต้องมั่นใจและพร้อมรับมือกับกองทัพคู่แข่งที่ย้ายงานด้วยเหมือนกันนะครับ (ผมแนะนำช่วง Q3 – Q4 ของปีครับ มีโอกาสเยอะกว่า)
advertisement
![มนุษย์เงินเดือน-7](https://kaijeaw.com/wp-content/uploads/2017/09/มนุษย์เงินเดือน-7.png)
6. ทำ Resume เจ๋งๆ
ภาษาอังกฤษเท่านั้นนะครับ ใส่ไปเลยครับ ว่าทำอะไรได้บ้าง ลงดีเทลงานเยอะๆ เน้นความเป็น Formal ดีที่สุดครับ เพราะบริษัทส่วนใหญ่ยัง Conservative อยู่มาก ไม่ต้องบอกแค่ตำแหน่ง เพราะยังไงเค้าก็ถามเงินเดือนอยู่ดีตอนโทรมานัดสัมภาษณ์ เพราะฉะนั้น เงินเดือนปัจจุบันเท่าไหร่ อยากได้เท่าไหร่ ทะเยอทะยานไปเลยครับ เรียกสัก 15 – 20 % เป็นขั้นต่ำ และที่สำคัญคือรูปต้องดูดีครับ ฝรั่งอาจจะไม่ถือ แต่คนไทยนี่บอกเลยตัดสินความเก่ง ความฉลาดกันจากหน้าตาและเครื่องแต่งกายในรูปถ่าย เพราะฉะนั้นลงทุนกับรูปตัวเองนิดนึงครับ เอาให้เป็น Professional Look ให้มากที่สุด
7. พัฒนาตัวเอง
เราไม่สามารถกระโดดไปได้เรื่อยๆ โดยที่ไม่ฝึกการกระโดดให้สูงขึ้นครับ ทุกครั้งที่เริ่มงานใหม่ ทำงานใหม่ เราต้องใส่ใจในการทำงานมากกว่าทำให้เสร็จๆ ผ่านๆ ไป ต้องนำข้อผิดพลาดมาปรับปรุงพัฒนา เรียนรู้จากคนที่เก่งกว่า ใกล้ชิดหัวหน้างานและผู้บริหารให้ได้มากที่สุด เพื่อซึมซับการตัดสินใจและการคิดวิเคราะห์ของพวกเค้า พยายามเสนอโปรเจ็คใหม่ๆ ปรับปรุงระบบในการทำงานเดิมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากขึ้น และลงทุนกับความรู้ครับ อ่านหนังสือเข้าไป อบรมเข้าไป ทุกปีต้องเก่งขึ้นและฉลาดขึ้นให้ได้ ถ้าทำงานเดิมมาตลอดทั้งปี และดูแนวโน้มว่าปีต่อๆ ไปก็คงไม่ได้ทำอะไรท้าทายความรู้ความสามารถ แนะนำให้เปลี่ยนงานด่วนๆ นะครับ
advertisement
![มนุษย์เงินเดือน-9](https://kaijeaw.com/wp-content/uploads/2017/09/มนุษย์เงินเดือน-9.png)
8. อย่าทิ้งข่าวสารบ้านเมือง
ความบันเทิงในชีวิตเป็นสิ่งดีครับ แต่ความบันเทิงไม่ทำให้มนุษย์เงินเดือนได้เงินเพิ่ม อ่านข่าวครับ การเมืองเป็นไง เศรษฐกิจเป็นไง ต่างประเทศเป็นไง เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นไง พวกผู้ใหญ่ในองค์กรเค้าชอบเรื่องพวกนี้กัน ใครคุยกับเค้าได้ มีทัศนะโต้ตอบกับเค้าได้ รับรองว่าไปได้ไกลครับ อีกอย่างคือมันดีกับตัวเองตอนไปสัมภาษณ์งานด้วยก็ดูเป็นคนรู้รอบ ทำธุรกิจเองด้วยก็เห็นทิศทางชัดเจน หรือจะลงทุนกับกองทุนไหน อะไรอย่างไร ก็เสี่ยงน้อยลงครับ[ads]
9. เชื่อมโยงให้เป็น สติอย่าหลุด คาดการณ์ล่วงหน้าให้ได้ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง
เอามาใส่รวมๆ เลยครับ พวกทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิต เอาง่ายๆ เลยครับ เคยเห็นไหมพวกที่ต้องแสตมป์บัตรจอดรถตรงทางออกจากห้าง แล้วขับมาถึงเค้าเตอร์แล้วเพิ่งจะหาบัตรจอดรถว่าเอาไว้ตรงไหน หรือพวกที่รู้อยู่แล้วว่าบิลค่าบัตรเครดิต ค่าน้ำไฟ ค่าโทรศัพท์จะตัดวันไหน แต่ต้องมารอจนถึงวันสุดท้ายแล้ววิ่งตาลีตาเหลือกไปจ่าย อย่าให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับชีวิตมนุษย์เงินเดือนครับ มีสติรู้ว่าแต่ละวันจะทำอะไร มีอะไรจะเกิดขึ้นวันนี้บ้าง สำรวจว่าเราเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง มิวินัยในตัวเองครับ อย่าปล่อยให้หลุดเด็ดขาด บริษัทใหญ่ๆ คนจ้องเชือดตอนประเมินผลปลายปีเยอะครับ
advertisement
![มนุษย์เงินเดือน-11](https://kaijeaw.com/wp-content/uploads/2017/09/มนุษย์เงินเดือน-11.png)
ทั้งหมดทั้งมวล ก็ประมาณนี้เลยครับ ผมเน้นย้ำนะครับ ผมไม่ได้พูดถึงความสุขในการทำงาน, เพื่อนร่วมงาน, การเดินทางไปทำงาน, ความเครียดในงาน หรือความชอบในงานเลย เพราะอันนี้ว่ากันด้วยเรื่องหนทางไปสู่การได้รายได้เยอะๆ ในฐานะมนุษย์เงินเดือนล้วนๆ (แต่ก็จากประสบการณ์ตัวเองอีกนั่นแหละ ว่ายิ่งย้ายไปอยู่บริษัทที่มีคุณภาพ ทั้งคุณภาพชีวิตของเราเองและความสุขของเราเองก็ยิ่งมากขึ้น เพราะงานเป็นระบบกว่า เพื่อนร่วมงานงี่เง่าเอาแต่ใจน้อยกว่า คนในองค์กรมืออาชีพมากกว่า แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการแข่งขันที่สูงกว่านั่นเองครับ)
หวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ชาวมนุษย์ออฟฟิศทุกคนนะครับ ไว้เห็นด้วยหรือเห็นต่างอย่างไร คอมเม้นต์กันได้ ฟีดแบ็กกันได้ครับ
เรียบเรียงโดย : Kaijeaw.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก สมาชิกพันทิปหมายเลย 2402541