รู้หรือไม่ ! ไม่ล้างรถหน้าฝน ระวัง…สีรถพังไม่รู้ตัว!
advertisement
ช่วงฤดูฝนนี้ ในบางพื้นที่ในตกทุกวันเลยนะคะ บางก็หนักก็เบาต่างกัน สำหรับคนที่มีรถ หลายคนเข้าใจผิดว่ารถถูกฝน ไม่จำเป็นต้องล้างรถ เพราะฝนตกตลอดเลยเดี่ยวก็โดนฝนอีก รถก็เลอะก็เปียกอยู่ดี นั้นเป็นความคิดที่ผิดนะคะ เพราะยิ่งรถถูกฝน คุณก็จะป็นต้องดูแลรถเป็นพิเศษนะคะ ต้องทำความสะอาดล้างรถให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้น โอกาสที่รถคุณจะเสียหายนั้นมีมากมายเลย เพราะฝนนั้นก็ไม่ได้สะอาดเลย แถมคราบที่กระเด็นติดรถ ไม่ล้างก็จะฝังแน่น ทำร้ายสีสันและความเงางามของรถไปเสียหมด แล้วช่วงฤดูฝนเช่นนี้จะมีวิธีการดูแลรถยนต์อย่างไรบ้าง ตาม Kaijeaw.com ไปดูกันค่ะ
advertisement
ก่อนอื่นเรามาดูข้อเสียจากการไม่ล้างรถในฤดูฝนกันค่ะ
– รถจะสะสมสิ่งสกปรกไปเรื่อยๆ จนดูสกปรกจนไม่น่ามอง
– สิ่งสกปรกสะสมที่ผิวสีรถสะสมมากขึ้น มันจะทำความสะอาดยากขึ้นกว่าเดิม [ads]
– เวลาที่รถเปียกน้ำฝน สิ่งสกปรกจะเกาะติดรถได้ง่าย สิ่งสกปรกเล็กๆ พวกนี้จะสามารถฝังเข้าไปในชั้นแล็กเกอร์สีรถได้
– เศษฝุ่น เศษกรวดต่างๆ สามารถติดและแทรกเข้าไปอยู่ตามร่องต่างๆ ของช่วงล่างรถได้
– ในกรณีที่ฝนตกเป็นกรดมีฤทธิ์อ่อนๆ ฝนกรดสามารถกัดและฝังเข้าไปในผิวสีรถได้
– สีรถหม่นหมอง โดยเฉพาะสีขาว แม้จะล้างเท่าไหร่ก็ไม่สดใสเช่นเดิม
วิธีการดูแลรถในฤดูฝน ได้แก่
1. ล้างรถอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหลังการลุยฝน เพื่อจะช่วยไม่ให้เกิดคราบฝังแน่น ในกรณีที่ไม่มีเวลาที่จะล้างรถ ก็ควรที่จะฉีดน้ำไล่พวกคราบสิ่งสกปรกออกไป
2. เมื่อรถถูกฝน ไม่ควรจอดตากแดดไว้เพราะอาจจะให้คราบน้ำฝนแห้งทำให้เกิดเป็นคราบน้ำขึ้นมาได้ ถ้าเกิดคราบน้ำขึ้นแล้วจะล้างไม่ออก
3. ไม่นำผ้าแห้งเช็ดรถหลังฝนตก เพราะอาจทำให้เกิดรอยได้ ควรฉีดน้ำล้างจะดีที่สุด แล้วใช้ผ้าสำหรับรถโดยเฉพาะเช็ดอีกที
4. ไม่ควรล้างรถในช่วงเย็นๆ ค่ำๆ อาจจะมีน้ำที่ตกค้างอยู่ตามซอกรถ อาจจะก่อให้เกิดการเป็นสนิมขึ้นมาได้
5. ไม่ควรจอดรถใต้ร่มไม้เพราะในฤดูฝน อาจจะมีลมแรง ต้นไม้อาจจะหักหรือล้มมาโดนรถ สิ่งดังกล่าวอาจจะปลิวมาติดรถ และทำให้ผิวสีด่างและเสียได้ ถ้าเราไม่รีบดูแลกันอย่างเร่งด่วน
6. ควรเคลือบสีรถ เพราะนอกจากจะทำให้ให้รถสวยงามขึ้นแล้ว ยังช่วยป้องกันคราบน้ำ หาดเคลือบสีบ่อยๆ น้ำจะไม่เกาะที่ตัวรถ ทำให้ลดการเกิดคราบน้ำ และทำให้ล้างรถได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าเราไม่เคลือบสีเลย โอกาสเกิดคราบน้ำก็มีสูง คราบสกปรกก็จะฝังตัวได้ง่าย ทำให้การล้างรถลำบากมากขึ้น [ads]
7. ใช้น้ำยาทำความสะอาดผิวสัมผัส ฉีดในบริเวณที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งหลายครั้งนั้นมีน้ำฝนซึมเข้าไปและเกิดสนิม นอกจากจะขัดล้างไม่ออกแล้ว ยังส่งผลต่อการทำงานของรถด้วย
8. หาผ้าคลุมรถไว้ใช้งานขณะจอดรถ แต่อย่าคลุมขณะรถเปียก ให้หาโอกาสคลุมตอนรถแห้ง อาจจะหลังล้างรถ หรือก่อนฝนตกก็ได้
9. ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์วางบริเวณพื้นรถ เพื่อป้องการพื้นรถเปียก ซึ่งอาจก่อเชื้อราในรถได้ และเมื่อใช้แล้วกระดาษเปียกหรือแฉะ ควรเอาออกทิ้งหรือเปลี่ยนใหม่
10. ไม่ควรจอดรถใต้ร่มไม้ที่มียางเกสร ดอก หรือผล โดยเฉพาะในฤดูฝน มักมีลมกรรโชกแรง นอกจากต้นไม้จะหักหรือล้มมาโดนรถเราได้แล้ว สิ่งดังกล่าวอาจจะปลิวมาติดรถ และทำให้สีรถเสียหาย เกิดรอยด่างได้ หากไม่ได้รับการแก้ไขในทันที
หากว่าคุณไม่อยากให้รถของคุณถูกทำร้ายในหน้าฝนนี้ ต้องดูแลรักษากันให้มากขึ้นแล้วนะคะ และนอกจากการดูแลรักษาความสะอาดแล้ว อย่าลืมตรวจเช็คสภาพความพร้อมของการใช้งานรถยนต์เป็นประจำด้วยนะคะ เพื่อรถสวยๆ สภาพการใช้งานสมบูรณ์พร้อม อยู่คู่กับเราไปนานๆ ค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : Kaijeaw.com