วิธีการทำสบู่สมุนไพร….ที่คุณก็สามารถทำได้เอง!!
advertisement
สูตร ( ดอกคำฝอย + น้ำผึ้ง + น้ำหมักผลไม้ )
–เตรียมสมุนไพรที่เราต้องการใช้เป็นส่วนผสมให้พร้อม
–ใช้กรีเซอรีน 8 ส่วน + น้ำสมุนไพร 2 ส่วน (น้ำผึ้ง + น้ำผสมสมุนไพร ) หรือจะใช้น้ำหมักผลไม้ผสมน้ำผึ้งได้นะคะ
–เรามาเริ่มจากกรีเซอรีน ก้อนนี้ก่อนแล้วกันนะคะ หั่นหรือ ซอย เพื่อให้กรีเซอรีนละลายได้ง่ายขึ้น ใช้เวลาไม่นาน เสร็จแล้วมาชั่งตวงดูเพื่อหาปริมาณที่เราต้องใส่น้ำสมุนไพรลงไป
[ads]
–หม้อที่จะใช้ต้มสบู่ต้องเป็นหม้อเซรามิก ใส่วางในหม้อสแตนเลสอีกชั้นใส่น้ำลงไปนิดหน่อย เพื่อไม่ให้หม้อสแตนเลสไหม้ และสบู่ก็จะไม่ไหม้เมื่อต้มอยู่ในหม้อเซรามิกด้วยค่ะ ใช้ไฟอ่อนๆ นะคะ ค่อยๆ ต้ม
–เมื่อเกล็ดสบู่หรือกรีเซอรีนละลาย ก็ยกลง และใส่น้ำหมุนไพร (ดอกคำฝอย + น้ำผึ้ง + น้ำหมักผลไม้ )
–รวมทั้งหมดต้องเป็น 2 ส่วนของปริมาณเกล็ดสบู่ เสร็จแล้วยกลงค่อยๆ ตักเทลงพิมพ์เลยค่ะ
–ใช้พิมพ์ที่ทำวุ้น หรือ พิมพ์จากซิลิโคน ก็ได้ หากฟองเยอะ ใช้แอลกอฮอล์ฉีด (จะช่วยลดฟองได้)
สบู่ที่ทำเป็นสมุนไพรที่ใช้สคลับผิวด้วยใช้ดีมากๆ ค่ะ สะอาดมั่นใจ บำรุงผิวระยะยาวเพราะเราใช้สมุนไพรล้วนๆ หรือที่เขาเรียกกันว่าสบู่สปานั่นแหละค่ะ
ทุกครั้งที่ทำเราต้องใส่น้ำผึ้งลงไปด้วย 1-2 ช้อนเพื่อความชุ่มชื่นของผิว แค่ 2 ช้อนก็ช่วยได้แล้วค่ะ แต่น้ำสมุนไพรกับน้ำผึ้งรวมกัน ไม่ควรเกิน 2 % ของปริมาณสบู่ ไม่เช่นนั้น สบู่จะนิ่มเป็นดินน้ำมันเชียวค่ะ และเคล็ดลับที่ขาดไม่ได้ ที่ฟอกแล้วทำให้สบู่สะอาดมากๆๆ คือ ใส่ส่วนผสมของน้ำหมัก ที่รวมอยู่ใน 2 % นั้นด้วย (น้ำหมักผลไม้)
advertisement
สบู่น้ำมันงา
สูตรนี้ใช้น้ำมันงาเพียงอย่างเดียว ได้สบู่สีขาวอมแดงมีกลิ่นหอมของน้ำมันงา เป็นสบู่ที่นุ่มนวล ฟองเล็กจำนวนมากแต่ใช้เวลานานในการจับตัวเป็นก้อนแข็ง แต่ก็คุ้มค่าน่าใช้ถึงแม้ต้นทุนจะสูงอยู่สักหน่อย
ส่วนผสม
1. น้ำมันงาดิบ 10 ออนซ์หรือประมาณ 300 กรัม
2. โซเดียมไฮดรอกไซด์ 1.35 ออนซ์ หรือประมาณ 40 กรัม
3. น้ำ 3 ออนซ์ หรือประมาณ 90 กรัม
วิธีการทำ
1. เตรียมแม่พิมพ์สบู่ตามขนาดและรูปร่างที่ต้องการส่วนผสมที่ให้มานี้จะทำสบู่น้ำมันงาได้ก้อนสี่เหลี่ยม 4 ก้อน
2. ค่อย ๆ เทเกล็ดโซเดียมไฮดรอกไซด์ลงในน้ำในชามแก้วคนให้เข้ากันจนเป็นของเหลวใส ๆ เมื่อผสมโซเดียมไฮดรอกไซด์กับน้ำจะเกิดความร้อนสูงถึงประมาณ 80-90 องศาเซลเซียส ตั้งทิ้งไว้หรือนำไปแช่น้ำให้อุณหภูมิของสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ เหลือประมาณ 40 องศาเซลเซียส
3. เทน้ำมันงาลงในชามสแตนเลสนำไปตั้งไฟพออุ่นใช้เทอร์โมมิเตอร์ วัดอุณหภูมิ จนได้อุณหภูมิประมาณ 40 องศาเซลเซียส ยกลงจากเตาไฟ
4. ค่อย ๆ เทสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ที่เตรียมไว้ในข้อ 2 ลงในน้ำมันงาใช้ไม้พายพลาสติก คนให้เข้ากัน การกวนสบู่ด้วยไม้พายนี้จะต้องกาวนนานอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ส่วนผสมทั้งสองจึงจะเริ่มจับตัวเหนียวเป็นสบู่
5. จากนั้นจึงเทลงแบบที่เตรียมไว้ ก่อนเทลงแบบอาจเติมน้ำหอมระเหยที่ต้องการได้ 5-10 หยด เมื่อเทลงแบบแล้วต้องตั้งทิ้งไว้นาน 2 วัน สบู่จึงจะจับตัวเป็นก้อนแข็ง จากนั้นจึงแกะออกจากแบบ ใช้มีดบาง ๆ คม ๆ ตัดสบู่ออกเป็นก้อนตามขนาดที่ต้องการ และต้องเก็บไว้นานอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ เพื่อให้สบู่จับตัวเป็นก้อนแข็งดีจึงนำมาใช้ถูตัวได้
น้ำมันงา เป็นน้ำมันที่มีคุณภาพดี มีวิตามินอีสูง เราสามารถนำน้ำมันงามาทำเป็นสบู่สำหรับถูตัวได้ ก็จะได้สบู่ที่คุณภาพดีสำหรับการถูตัว แต่เนื่องจากน้ำมันงามีราคาแพง และจับตัวเป็นก้อนสบู่ช้า จึงมักจะนำมาเป็นส่วนผสมร่วมกับน้ำมันชนิดอื่น ๆ อย่างไรก็ตามเราสามารถใช้น้ำมันงาล้วน ๆ เพียงอย่างเดียวทำสบู่ก้อนสำหรับถูตัวได้
advertisement
ส่วนผสมในการทำสบู่
1.ผัก ผลไม้ และสมุนไพร
–ช่วยเพิ่มสรรพคุณให้กับสบู่ โดยสามารถเลือกผัก ผลไม้ หรือสมุนไพรได้ตามสรรพคุณที่ต้องการ
2.กลีเซอรีน
–เป็นสารตั้งต้นในการทำสบู่ ทำมาจากน้ำมันของพืช มีส่วนช่วยหล่อลื่นเหมือนมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เพื่อปกป้องผิวไม่ให้แห้งและดูดซับความชื้นเมื่อสัมผัสกับอากาศ ซึ่งจะทำให้รู้สึกว่าผิวมีความชุ่มชื้นอ่อนโยนต่อผิว ขจัดความสกปรกที่ฝังแน่น ไม่ทำให้อุดตันรูขุมขน รวมทั้งปลอดภัยต่อผิวหนัง
3.น้ำมันหอมระเหย
–ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้สบู่ ซึ่งโดยทั่วไปน้ำมันหอมระเหยจะถูกสกัดด้วยการกลั่นจากพืชสมุนไพรต่างๆ
advertisement
advertisement
4.ส่วนผสมในเบสสบู่กลีเซอรีน
–เบสสบู่กลีเซอรีน มีข้อกำหนดที่ให้ท่านสามารถเติมสารต่าง ๆ ลงในเบสสบู่กลีเซอรีนได้ปริมาณที่กำหนดไว้ ถ้าท่านเติมมากกว่าข้อกำหนดไว้จะทำให้สบู่ที่ท่านผลิตออกมาเสียหายได้
–ไม่ควรเติมกลีเซอรีนเข้าไปเพิ่มในเบสสบู่กลีเซอรีนอีก เพราะจะทำให้สบู่ขึ้นเหงื่อได้
–การหลอมสบู่ให้ใช้วิธีการตุ๋น หรือใช้หม้อสองชั้นเท่านั้น ห้ามใช้วิธีต้มโดยตรงกับไฟ เพราะจะทำให้สบู่เหลือง
–ใส่น้ำมัน และสารสกัดที่มีส่วนผสมของน้ำมันได้ไม่เกิน 2% เพราะจะทำให้สบู่นิ่มขึ้น (แต่เหมาะสำหรับการปั้นสบู่ให้เป็นรูปทรงตามความชอบใจ)
[yengo]
–ใส่น้ำ และสารสกัดที่มีส่วนผสมของน้ำได้ไม่เกิน 10% การใส่น้ำเพิ่มเกินกว่า 5% จะทำให้เวลาในการแข็งตัวนานขึ้น
–กรด AHA ใส่ได้ไม่เกิน 0.1% เพราะจะทำให้สบู่นิ่ม และแข็งตัวช้า
–น้ำหมัก ใส่ได้ไม่เกิน 5% เนื่องจากน้ำหมักในแต่ละแหล่งผลิต จะมีปริมาณกรดที่เกิดจากการหมักแตกต่างกัน ให้ทดลองใส่ในปริมาณที่แจ้งไว้ และถ้าสบู่นิ่มเกินไป ก็ลดปริมาณการเติมน้ำหมักลง
–การหลอมสบู่นานเกิน ครึ่งชั่วโมง ให้เติมน้ำลงไป 3% เพื่อลดการเกิดเหงื่อ เนื่องจากน้ำระเหยออกไปจากระบบ
ควรทดลองทำในปริมาณที่น้อยก่อน ไม่ควรเติมแต่งสารใดๆทั้งสิ้น นอกจากสีและกลิ่น เพราะทำได้เป็นก้อนแล้ว ครั้งต่อไปจึงเพิ่มสารเติมแต่งตามใจชอบ ท่านก็จะประสบความสำเร็จในการผลิตสบู่กลีเซอรีนตามความปรารถนาทุกประการ
ขอขอบคุณเนื้อหาและภาพประกอบจาก:นันทวดี น้อยนิติ