แนะ!!เลี่ยงเนื้อสัตว์ กินมากเสี่ยงร่างกายเสียสมดุล ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำได้ยาก แนะเพิ่มสีเขียว!!
advertisement
นักโภชนาการ ม.มหิดล เตือนฉลองปีใหม่เลี่ยงเนื้อสัตว์ กินมากเสี่ยงร่างกายเสียสมดุล ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำได้ยาก แนะเพิ่มสีเขียวในจานอาหาร
advertisement
รศ. ดร. รัชนี คงคาฉุยฉาย ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า อาหารที่นิยมนำมาเลี้ยงฉลองปีใหม่มักเป็นอาหารที่นิยมใช้วิธีทอด หรือปิ้งย่าง เพราะสะดวกและง่ายต่อการรับประทาน อีกทั้ง เป็นอาหารประเภทเนื้อสัตว์ หรือแป้ง น้ำตาล เครื่องดื่มต่างๆที่อยู่บนโต๊ะหรือเมนู ก็มักเป็นน้ำหวาน หรือน้ำอัดลม บางแห่งก็มีการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อีกด้วย ซึ่งการรับประทานอาหารเหล่านี้เป็นปริมาณมากๆ อาจทำให้ เกิดผลเสียต่อสุขภาพโดยไม่รู้ตัว เพราะการรับประทานเนื้อสัตว์ในปริมาณมาก ๆ จะทำให้ร่างกายเสียสมดุล จากการรับโปรตีนมากเกินไป ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำได้ยาก รวมถึงเสี่ยงต่อภาวะโรคกระดูกพรุน ซึ่งเกิดจากเลือดในร่างกายมีปริมาณยูเรียสูง ทำให้มีภาวะเป็นกรด มีผลให้ร่างกายขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากขึ้น[ads]
ส่วนการได้รับไขมันหรือแป้งมากเกินความต้องการของร่างกาย อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน และคอเลสเตอรอลสูง รวมถึงการบริโภคโซเดียมมากเกินไปจะเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูง โรคไต โรคอัมพฤกษ์ รวมถึงโรคหัวใจ ดังนั้นเราควรระมัดระวังการบริโภคอาหารเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่เพื่อสุขภาพที่ดี
advertisement
ผอ.สถาบันโภชนาการ ม.มหิดล กล่าวอีกว่า การเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่อย่างมีความสุขควบคู่ไปกับการมีสุขภาพที่ดีทำได้ง่าย ๆ เพียงเลือกอาหารเมนูผักจานอร่อย เช่น น้ำพริก แกงส้ม สลัดผัก ยำตะไคร้ ส้มตำ เมี่ยงปลาทู เป็นต้น เพราะผัก โดยเฉพาะผักใบ อุดมด้วยวิตามิน และเกลือแร่ที่มีส่วนช่วยในกระบวนการเผาผลาญสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงานออกมาใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว ผักยังเป็นแหล่งที่ดีของใยอาหาร ซึ่งใยอาหารเป็นสารที่สำคัญในกระบวนการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ลดภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด โรคริดสีดวงทวารที่เกิดจากปัญหาท้องผูกการขับถ่ายที่ผิดปกติ นอกจากนี้ ผักใบมักจะมีพลังงานต่ำสามารถรับประทานได้อย่างสบายใจ ช่วยให้อิ่มท้องได้เร็วและให้พลังงานที่ต่ำมากๆ กว่ากลุ่มอาหารชนิดอื่น โดยเฉพาะอาหารประเภท แป้ง ไขมันและโปรตีน
ผักและผลไม้ยังเป็นแหล่งที่ดีของสารพฤกษเคมีที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เช่น กลุ่มสารแคโรทีนอยด์ เบต้าแคโรทีน ลูทีน ซีแซนทีน และไลโคปีนมีคุณสมบัติช่วยบำรุงและปกป้องสายตา เพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ลูทีนและซีแซนทีนช่วยจัดการกับอนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสียูวี (UV) ที่เป็นอันตรายต่อดวงตา และช่วยชะลอการเสื่อมของศูนย์กลางจอประสาทตา อันเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการตาบอดในในผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ชะลอความเสื่อมของเซลล์และชะลอการเกิดโรคต้อกระจกในผู้สูงอายุ
advertisement
กลุ่มสารฟีนอลลิค รวมทั้งวิตามินซี
มีบทบาทในการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย และส่งเสริมการดูดซึมแร่ธาตุเหล็ก นอกจากนี้ การบริโภคอาหารสีเขียวจำพวกผักใบเป็นประจำนอกจากจะมีประโยชน์ทางโภชนาการแล้ว ยังช่วยลดอาการท้องผูก เนื่องจากผักมีใยอาหารสูง ทำให้ร่างกายสามารถขับถ่ายได้สะดวก จึงเป็นการลดระยะเวลาในการสัมผัสสารพิษที่อาจปนเปื้อนมาในอาหาร ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่[ads]
“การดื่มเครื่องดื่ม ควรหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณน้ำหวาน หรือน้ำอัดลม รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์การดื่มลง เนื่องจากน้ำอัดลมหรือน้ำหวานมีปริมาณน้ำตาลสูง เครื่องดื่มบางชนิดพบว่ามีน้ำตาลสูงถึง 13.3 – 15.5 ช้อนชาต่อหนึ่งแก้ว ซึ่งมากกว่า 2 -2.5 เท่าของปริมาณน้ำตาลที่แนะนำต่อวัน ทำให้เสี่ยงต่อการเพิ่มน้ำหนักตัว โรคอ้วน และโรคเบาหวาน”รศ.ดร.รัชนีกล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : thaihealth.or.th, Patcharee Bonkham, เว็บไซต์คมชัดลึก