10 วิธีง่ายๆ ป้องกันไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่..หากทำได้ทุกข้อไม่ป่วยแน่นอน!!
advertisement
อาการเจ็บไข้ได้ป่วย ที่เกิดได้บ่อยๆ เกิดได้กับทุกคน ทุกเพศทุกวัย อย่างไข้หวัดนั้น สร้างปัญหาต่อสุขภาพอนามัยมากเลยทีเดียวนะคะ ซื่งโรคไข้หวัดนั้นยังพบว่ามีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน และพัฒนาสายพันธุ์มากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งไข้หวัดใหญ่เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝน ไข้หวัดก็มักจะแวะเวียนมาให้ได้พบกันบ่อยๆ เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหายอยู่อย่างนั้น เพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตก ร่างกายก็เลยปรับตัวไม่ทัน ดังนั้นแล้วใครที่ไม่อยากจะป่วยบ่อยๆ Kaijeaw.com มี 10 วิธีง่ายๆ ป้องกันไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่ มาฝากกันค่ะ หากคุณทำได้ทุกข้อนี้ รับรองว่าไม่ป่วยแน่นอนค่ะ
advertisement
สาเหตุของไข้หวัด
ไข้หวัด เกิดจากระบบทางเดินหายใจส่วนบนได้รับการติดเชื้อไวรัส ซึ่งก็คือส่วนของจมูกและคอ ส่วนใหญ่ผู้คนมักจะป่วยกันมากในฤดูหนาว เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศเย็นและมีความชื้นต่ำ เมื่อสูดดมอากาศที่มีเชื้อเข้าไป รวมถึงการคลุกคลีอยู่กับผู้ป่วย และกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเมื่อได้ติดเชื้อเข้าไปแล้ว ก็จะป่วยเป็นไข้หวัดได้ โดยจะมีอาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ คัดจมูก น้ำมูก จาม มีอาการไอ ซึ่งเกิดจากการอักเสบของหลอดคอ และอาจจะมีอาการไข้ต่ำๆ ร่วมด้วย โดยทั่วไปเมื่อเป็นไข้หวัดแล้วก็มักจะป่วยอยู่ประมาณ 3-5 วัน แต่อาจมีอาการไอและมีน้ำมูกยาวนานต่อเนื่องไปอีก 2-3 สัปดาห์ ได้
[ads]
advertisement
วิธีป้องกันไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่สามารถทำได้ แนะนำดังนี้
1. เสริมวิตามินซี
วิตามินซี ถือเป็นสารอาหารแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้านอนุมูลอิสระ การรับประทานวิตามินซีจึงมีส่วนช่วยป้องกันไข้หวัดได้เช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้น วิตามินซียังช่วยรักษาอาการหวัดได้อีกด้วย วิตามินซีพบมากในอาหารจำพวกผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม ฝรั่ง แอปเปิ้ล ผลไม้ตระกูลเบอรี่ และก็ยังมีในผักใบเขียวและผักตระกูลกะหล่ำอีกด้วย ถ้าหากคุณแน่ใจว่าตนเองรับประทานผักผลไม้ได้ไม่เพียงพอ ก็ลองหาที่เป็นอาหารเสริมมารับประทานแทนได้ค่ะ
2. หมั่นล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ
เพราะว่าไวรัสหวัดหรือไข้หวัดใหญ่นั้น สามารถติดต่อกันได้ บางคนใช้มือปิดปากขณะจาม แล้วก็เอามือไปจับโทรศัพท์ คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ หรือทำครัวต่อ ก็เป็นการพาเชื้อโรคไปยังสิ่งอื่น เชื้อโรคพวกนี้มีชีวิตอยู่ได้หลายชั่วโมง บางกรณีอยู่ได้ถึงหลายสัปดาห์ พอคนอื่นมาหยิบจับสิ่งของนั้นต่อไปก็ได้รับเชื้อโรค ดังนั้น การล้างมือบ่อยๆ จึงเป็นการป้องกันและหยุดการแพร่กระจายเชื้อหวัดได้ เราจึงควรหมั่นล้างมือให้สะอาด ในกรณีที่ไม่สะดวกจะล้างมือจริงๆ ก็ใช้เจลล้างมือแทนได้ค่ะ
3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
น้ำเปล่าที่สะอาด ถือเป็นเครื่องดื่มที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นแล้วก็ยังช่วยให้ขับสารพิษและของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายได้อีกด้วย จึงจำเป็นต้องดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว นอกจากนั้นแล้วการดื่มน้ำอุ่นๆ จะช่วยคงระดับอุณหภูมิในร่างกายให้เป็นปกติได้ ซึ่งร่างกายที่อบอุ่นจะปลอดภัยจากเชื้อโรคไข้หวัด ได้มากกว่าร่างกายที่เย็นและเปียกชื้นนั่นเองค่ะ
4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า
บริเวณใบหน้ามีอวัยวะอย่าง หู ตา จมูก ปาก ที่ล้วนแต่เป็นทางเข้าของเชื้อโรคได้ทั้งนั้น ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า โดยเฉพาะการหยิบจับอาหารเข้าปาก เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามือของเรานั้นได้สัมผัสเชื้อโรคมาหรือไม่ หากจำเป็นจริงๆ ก็ควรล้างมือให้สะอาดเสียก่อน หรืออาจใช้เจลล้างมือทำความสะอาด ในกรณีที่ไม่สะดวกจริงๆ
5. หมั่นออกกำลังกาย
เป็นที่รู้กันดีว่าการออกกำลังกายนั้นดีต่อสุขภาพมากมาย ช่วยให้อวัยวะส่วนต่างๆ นั้นแข็งแรง แนะนำให้มีการออกกำลังแอโรบิกเป็นประจำ การออกกำลังกายแบบนี้จะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ปริมาณของเลือดที่สูบฉีดก็จะมากขึ้น หายใจเร็วขึ้นเพื่อช่วยส่งออกซิเจนจากปอดไปยังเลือด และการออกกำลังอย่างนี้ก็จะช่วยให้เหงื่อออก เมื่ออุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น ก็จะช่วยให้ปราบไวรัสในร่างกายไปตามธรรมชาติ
6. งดสูบบุหรี่
บุหรี่ ส่งผลเสียต่อสุขภาพมากมาย ซึ่งมีผลการศึกษามากมายที่ระบุว่า คนที่สูบบุหรี่จัด เป็นหวัดถี่กว่า และอาการหนักกว่าคนไม่ได้สูบ แม้กระทั่งการอยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ก็ยังทำให้ภูมิต้านทานตกลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก ควันบุหรี่ทำให้ทางเดินหายใจแห้ง และทำให้ขนซิเลียซึ่งปกคลุมเยื่อบุเมือกในจมูก และปอดไม่ยอมขยับเขยื้อน (การเคลื่อนไหวของขนซิเลีช่วยพัดโบกฝุ่นละอองรวมถึงเชื้อหวัด และไข้หวัดใหญ่ออกจากทางเดินหายใจ) โดยบุหรี่ 1 ตัวทำให้ขนซิเลียไม่ขยับเขยื้อนนานถึง 30 -40 นาทีเลยทีเดียว
7. เลิกดื่มแอลกฮอล์
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพียงเล็กน้อยอาจไม่มีผลเสียอะไร แต่การดื่มเครื่องแอลกอฮอล์มากๆ จะไปกดระบบบภูมิต้านทานในร่างกายได้หลากหลายรูปแบบ รวมทั้งอวัยวะต่างๆ ในร่างกายโดยเฉพาะตับ ด้วยเหตุนี้ คนที่ดื่มหนักจึงติดเชื้อ และเกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย นอกจากนี้ ยังทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย
8. นอนหลับให้เพียงพอ
ระบบภูมิคุ้มกันจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ หากร่างกายของเราได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ อีกทั้งในขณะที่เรานอนหลับ ร่างกายของเราก็จะมีการซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรออีกด้วย ดังนั้นจึงควรนอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง ที่สำคัญก็ควรเข้านอนแต่หัวค่ำด้วยนะคะ
[ads]
9. รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ
ร่างกายที่เย็นมากเกินไป ก็จะยิ่งเอื้ออำนวยให้เชื้อโรคไข้หวัดสามารถเติบโตและทำงานได้มากขึ้น ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อไวรัสและป่วยได้ง่าย ดังนั้นจึงควรหมั่นรักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ สวมเสื้อผ้าที่อบอุ่น สวมถุงมือถุงเท้า หมวกไหมพรม ผ้าพันคอในช่วงที่มีอากาศหนาวเย็น
10. ผ่อนคลาย ไม่เครียด
การผ่อนคลายช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทานของร่างกายได้ มีหลักฐานงานศึกษาที่พบว่า ถ้าเราอยู่ในภาวะผ่อนคลาย interleukins (โปรตีนที่ควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน) ในกระแสเลือดจะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี คนที่พยายามผ่อนคลาย แต่ในใจลึกๆ เต็มไปด้วยความเบื่อนั้นจะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในเลือดแต่อย่างใด ดังนั้นจึงควรมีความผ่อนคลายได้อย่างแท้จริงให้ได้
ที่สำคัญนั้นก็คือการหมั่นรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ รวมทั้งทางด้านอารมณ์และจิตใจด้วย อย่าปล่อยให้เครียด รักษาอนามัยที่ดีของร่างกายและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีอีกทางเลือกในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง คือมีภูมิต้านทานต่อโรคต่ำก็ควรไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ด้วยค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : Kaijeaw.com